taksin-rome-7nov2024-SPACEBAR-Photo00.jpg
taksin-rome-7nov2024-SPACEBAR-Photo01.jpg
taksin-rome-7nov2024-SPACEBAR-Photo02.jpg
taksin-rome-7nov2024-SPACEBAR-Photo03.jpg
taksin-rome-7nov2024-SPACEBAR-Photo04.jpg
taksin-rome-7nov2024-SPACEBAR-Photo05.jpg
taksin-rome-7nov2024-SPACEBAR-Photo06.jpg
taksin-rome-7nov2024-SPACEBAR-Photo07.jpg
taksin-rome-7nov2024-SPACEBAR-Photo08.jpg
taksin-rome-7nov2024-SPACEBAR-Photo09.jpg

Photo Story: กมธ.มั่นคงล้วงเค้น! ปม ‘ทักษิณ’ รักษาตัวชั้น 14

7 พ.ย. 2567 - 06:44

  • ‘กมธ.มั่นคงแห่งรัฐฯ’ ล้วงเค้นปม ‘ทักษิณ’ ช่วงรักษาตัวชั้น 14

  • กมธ.ส่วนใหญ่ตั้งคำถามพุ่งเป้าไปที่รายละเอียดการพักรักษาตัวของ ทักษิณ และหลักฐานเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการรักษาตัวของ ทักษิณ

  • ขณะที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยและพล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรองผบ.ตร. ไม่ได้มาชี้แจงต่อกมธ.ตามที่มีหนังสือเชิญไป

taksin-rome-7nov2024-SPACEBAR-Photo00.jpg
taksin-rome-7nov2024-SPACEBAR-Photo01.jpg
taksin-rome-7nov2024-SPACEBAR-Photo02.jpg
taksin-rome-7nov2024-SPACEBAR-Photo03.jpg
taksin-rome-7nov2024-SPACEBAR-Photo04.jpg
taksin-rome-7nov2024-SPACEBAR-Photo05.jpg
taksin-rome-7nov2024-SPACEBAR-Photo06.jpg
taksin-rome-7nov2024-SPACEBAR-Photo07.jpg
taksin-rome-7nov2024-SPACEBAR-Photo08.jpg
taksin-rome-7nov2024-SPACEBAR-Photo09.jpg

การประชุมของคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ในเช้าวันนี้ มีวาระการพิจารณากรณีกรมราชทัณฑ์ให้ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พักรักษาตัวในโรงพยาบาลตำรวจ ชั้น 14 

รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานกรรมาธิการความมั่นคงฯ เปิดเผยว่า เบื้องต้นบุคคลที่ได้เชิญไป_แต่ไม่มา_ คือ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส และเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับการรักษาตัวของทักษิณ แต่ไม่ว่า จะมาหรือไม่มา เรื่องนี้คงไม่สามารถหยุดให้กรรมาธิการแสวงหาข้อเท็จจริงเรื่องนี้ได้ เพราะเป็นเรื่องใหญ่เกี่ยวข้องกับความเชื่อมั่นของกระบวนการยุติธรรม ในกรณีของทักษิณที่มีฝ่ายต่างๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งทักษิณทำทั้งหมดด้วยตัวคนเดียวไม่ได้ ดังนั้น ทางกรรมาธิการก็มีความชอบธรรมในการแสวงหาข้อเท็จจริงต่อไป

อย่างไรก็ตาม ไม่ได้วางกรอบการแสวงหาข้อเท็จจริงไว้ แต่อยู่ที่ข้อมูลที่ได้รับมาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 129 กรรมาธิการมีหน้าที่อำนาจในการแสวงหาข้อเท็จจริง ดังนั้น ยืนยันที่จะทำต่อ ถ้าทุกฝ่ายมาให้ข้อชี้แจงกับทางกรรมาธิการก็จะเป็นประโยชน์กับหน่วยงานเอง โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรง ยืนยันว่า บรรดาเจ้าหน้าที่ของรัฐทั้งหลาย อยากให้ทำหน้าที่ในการชี้แจงและตอบคำถามกรรมาธิการ คิดว่า เป็นวิธีการที่ดีที่สุดที่จะปกป้องตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นข้อครหาหรือความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในข้อกฎหมายด้วย

ส่วนประเด็นที่ทางกรรมาธิการจะสอบถามผู้ที่เกี่ยวข้อง มี 2 ประเด็นหลักคือ 

  1. ป่วยจริงหรือไม่ และการป่วยเข้าข้อกฎหมายอะไรได้บ้างที่ทำให้ทักษิณต้องอยู่ที่ชั้น 14 
  2. เรื่องของการพบปะบุคคลต่างๆ ตกลงแล้วการอยู่ชั้น 14 คือการถูกควบคุมตัว เสมอเหมือนอยู่ในราชทัณฑ์หรือเรือนจำใช่หรือไม่ แต่ที่มีการพบปะกันราวกับว่า เหมือนนอนอยู่บ้าน ก็ต้องพิจารณาว่า ข้อเท็จจริงเรื่องนี้เป็นอย่างไร

รังสิมันต์ ยังกล่าวว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ได้ไปเจอทักษิณและยังไม่เห็นข้อโต้แย้งที่มีความชัดเจน ซึ่งเรื่องนี้กรรมาธิการก็ต้องเอาข้อเท็จจริงออกมาโดยการสอบถามเจ้าหน้าที่ ซึ่ง พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ยืนยันว่า จะเดินทางมาชี้แจง ก็ต้องได้สอบถามข้อเท็จจริงในเรื่องเหล่านี้ เพราะช่วงเวลานั้นถือว่า มีบทบาทหน้าที่ที่หลากหลาย

สำหรับกรณีที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยืนยันว่า การรักษาตัวที่ชั้น 14 ของทักษิณเป็นการคุมขังไม่เคยปล่อยสักวินาทีนั้น รังสิมันต์ กล่าวว่า หากจะโต้แย้งแบบนั้นก็ต้องบอกว่าสิ่งที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ บอกมาไม่เป็นความจริง หรือ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์มีความสามารถพิเศษที่จะฝ่าความปลอดภัยเพื่อเข้าพบทักษิณได้ ดังนั้นสิ่งที่พ.ต.อ.ทวี พูดออกมาก็ต้องดูพยานหลักฐานต่างๆ ใครจะโกหกหรือใครจะพูดความจริงไม่เป็นความจริง วันนี้เราจะได้มาค้นหาข้อเท็จจริงกันว่า ตกลงแล้วที่ฝ่ายต่างๆ ได้พูด ในเรื่องเกี่ยวกับชั้น 14 นั้นเป็นอย่างไรนี่คือบทบาทของกรรมาธิการที่ต้องการแสวงหาข้อมูล

“ส่วนที่มีคนสงสัยว่า เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับความมั่นคง ผมยืนยันว่า เรื่องกระบวนการยุติธรรมเป็นเรื่องที่สำคัญสำคัญต่อประเทศชาติมาก เป็นกระดูกสันหลังสำหรับเรื่องต่างๆ และเราก็มีภารกิจในเรื่องของการปฏิรูปประเทศด้วย กระบวนการยุติธรรมก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่เราพยายามแสวงหาข้อเท็จจริง” รังสิมันต์ กล่าว

รังสิมันต์ ยังกล่าวด้วยว่า ขณะนี้ยังไม่ได้เห็นข้อมูลรายละเอียดจากโรงพยาบาลตำรวจ แต่จะสอบถาม ซึ่งมีคำถามอยู่ประมาณ 20-30 คำถาม ที่กรรมาธิการเตรียมกันไว้ หากข้อมูลยังไม่เพียงพอก็จะต้องแสวงหาเพิ่มเติมหรือเรียกเอกสารจากหน่วยงานนั้นๆ ซึ่งไม่ใช่เรื่องยาก แต่หน่วยงานจะให้หรือไม่ให้ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ทั้งนี้ก็เป็นเรื่องที่น่าคิดว่า ถ้ามั่นใจว่า การทำหน้าที่ชอบด้วยกฎหมาย ก็ไม่ต้องกลัวอะไร ให้ฝ่ายตรวจสอบเข้าถึงพยานหลักฐานต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ และเป็นประโยชน์ที่สุด

ส่วนจะอ้างกฎหมาย PDPA นั้น คงไม่สามารถทำได้ เพราะกรรมาธิการใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญที่เป็นกฎหมายสูงสุด ซึ่งเราสามารถเข้าถึงเอกสารหลักฐานต่างๆ ได้อยู่แล้ว กฎหมาย PDPA ไม่ได้มีข้อยกเว้นในการทำหน้าที่ของสภาหรือกรรมาธิการ

สำหรับกรณี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ไม่มาให้ข้อมูลในวันนี้ จะขอให้ทำเป็นหนังสือชี้แจงเข้ามาทีหลังหรือไม่ รังสิมันต์ กล่าวว่า ต้องดูสถานะปัจจุบันเป็นบุคคลธรรมดา น้ำหนัก จะต่างกับการเชิญเจ้าหน้าที่รัฐ เพราะตามรัฐธรรมนูญมาตรา 129 ถ้าเชิญเจ้าหน้าที่รัฐ เป็นหน้าที่ของรัฐมนตรี ที่ต้องดำเนินการให้มา ซึ่งถ้าไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญมีความผิดอะไรหรือไม่ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทางกรรมาธิการต้องตรวจสอบว่า ที่ไม่ได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่รัฐหรือจากรัฐบาล มีความผิดทางกฎหมายอะไรอีกบ้าง

จากนั้น จึงเริ่มเข้าสู่การประชุม กมธ.ความมั่นคงฯ ที่ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล อาทิ นพ.วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผอ.ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ พล.ต.ต.สรวุฒิ เหล่ารัตนวรพงษ์ อดีตรองนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ แต่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยและพล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรองผบ.ตร. ไม่ได้มาชี้แจงต่อกมธ.ตามที่มีหนังสือเชิญไป 

ทั้งนี้ กมธ.ส่วนใหญ่ตั้งคำถามพุ่งเป้าไปที่รายละเอียดการพักรักษาตัวของ ทักษิณ และหลักฐานเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการรักษาตัวของ ทักษิณ อาทิ ภาพถ่าย ภาพกล้องวงจรปิด รวมถึงขั้นตอนการปฏิบัติของกรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจเป็นไปตามมาตรฐานและระเบียบของกรมราชทัณฑ์หรือไม่ 

ด้านนพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ซักถามว่า อาการป่วยทักษิณที่ระบุเป็นภาวะฉุกเฉินกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ต้องส่งตัวด่วนจากโรงพยาบาลกรมราชทัณฑ์ไปโรงพยาบาลตำรวจ ใช้เวลาส่งตัว 21 นาทีการเดินทางจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ระยะทาง 17 กิโลเมตร เดินทางโดยทางด่วน 17 นาที การปฏิบัติหน้าที่ของแพทย์หรือพยาบาลที่เรือนจำ จึงมีเวลาปฏิบัติการ 3นาทีเท่านั้น ถือว่ารวดเร็ว อยากรู้ผู้ป่วยรายอื่นที่มีภาวะฉุกเฉินจะได้รับการปฏิบัติเร่งด่วน มีมาตรฐานแบบเดียวกันหรือไม่ และการอนุญาตให้นายทักษิณรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจเป็นเวลานาน ใครคือผู้ให้ความเห็น ขณะที่ พรรณิการ์ วาณิช ที่ปรึกษากมธ. ซักถามว่า การพักรักษาตัวที่ชั้น14 ของทักษิณมีค่าห้องและค่ารักษาพยาบาลเท่าใด ใครออกค่าใช้จ่าย ให้แสดงหลักฐาน อย่างไรก็ตามระหว่างที่กมธ.รุมซักถามนั้น นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะที่ปรึกษากมธ. เบรกการซักถามเป็นระยะๆ โดยกล่าวว่า การซักถามเรื่องหลักเกณฑ์ต่างๆไม่มีอะไรคืบหน้า คนมาชี้แจงก็ต้องตอบไปตามหลักการ คำถามวนไปมา ไม่น่าฟัง ถามถึงแต่ภาพถ่าย ภาพวงจรปิด ควรถามว่า การพักชั้น14 เป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ 

ขณะที่พล.ต.ต.สรวุฒิ เหล่ารัตนวรพงษ์ อดีตรองนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ ชี้แจงว่า ช่วงที่ทำหน้าที่เป็นรองนายแพทย์ใหญ่ ไม่ทราบข้อมูลผู้ป่วย เพราะกำลังทำเรื่องเออรี่รีไทร์ และพักร้อนในช่วงนั้น เมื่อมีหนังสือส่งตัวมาให้รักษา เราก็รักษา ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาวะผู้ป่วยและความเห็นของแพทย์ที่ดูแลด้วย เชี่ยวชาญด้านผ่าตัดผ่านกล้อง ไม่ได้เป็นผู้ผ่าตัดทักษิณ ส่วนทักษิณจะผ่าตัดหรือไม่ ไม่ทราบ เพราะตอนนั้นลาพักร้อน 3 สัปดาห์ ส่วนการพักรักษาตัวในโรงพยาบาลตำรวจจะสั้นหรือยาว ขึ้นอยู่กับภาวะของโรค ส่วนตัวไม่เคยไปรักษาชั้น 14 ไม่สามารถตอบได้ขณะที่เรื่องการบันทึกภาพระหว่างรักษาตัว ก็ไม่ทราบเช่นกัน แต่จากประสบการณ์ที่เคยรักษาผู้ต้องขังนั้น ไม่เคยเห็นต้องบันทึกภาพ

ส่วนนพ.วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผอ.ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ชี้แจงว่า กรณีการส่งตัวทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ไม่ได้ผ่านโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เพราะพยาบาลในสถานพยาบาลพิจารณาแล้วว่ามีความเสี่ยง จึงส่งตัว เนื่องจากตอนดึกทักษิณมีอาการแน่นหน้าอก ความดันสูงขึ้น ระดับออกซิเจนต่ำ กรณีมีผู้ป่วยต้องออกไปรักษาตัวด้านนอก ต้องส่งโดยเร็ว ป้องกันเหตุพิการ เสียชีวิต ศักยภาพของโรงพยาบาลในการรักษาด้านโรคหัวใจนั้น เรามีเครื่องมือการแพทย์ไม่เพียงพอ จำเป็นต้องส่งไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลภายนอก การสวนหัวใจไม่สามารถทำได้ ต้องส่งต่อ ทั้งนี้ การส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวด้านนอก ถ้าเป็นในเวลา เป็นหน้าที่ของแพทย์ในเรือนจำ แต่ถ้านอกเวลาจะเป็นพยาบาลเป็นผู้ประเมิน ไม่มีแพทย์คนใดเข้าไปในสถานพยาบาลแต่ละแดนนอกเวลาแต่พยาบาลก็มีทักษะประเมินผู้ป่วยฉุกเฉินได้ ถ้าเป็นกรณีฉุกเฉินคนเซ็นอนุญาตคือ ผู้บัญชาการเรือนจำ โรงพยาบาลตำรวจเป็นโรงพยาบาลที่ราชทัณฑ์ส่งผู้ป่วยไปมากที่สุด ส่วนการประเมินว่า ต้องได้รับการรักษาตัวต่อนั้น เป็นหน้าที่แพทย์ผู้รักษาของโรงพยาบาลตำรวจ โดยมีข้อมูลทางการแพทย์ว่า เหตุใดควรต้องรักษาตัวต่อ ส่วนเรื่องจำนวนวันที่ต้องรักษาตัวนั้น ไม่ทราบ

นพ.วัฒน์ชัย กล่าวว่า ส่วนเรื่องค่าห้องและค่ารักษานายทักษิณนั้น อยู่ที่ 8,500 บาทต่อวัน รวมค่ารักษาอยู่ที่ประมาณ 1 ล้านบาท ไม่มีข้อมูลว่า ใครเป็นผู้จ่าย แต่ผู้ต้องขังทุกคนที่อยู่ในโรงพยาบาล จะได้รับการรักษาโดยไม่มีค่าใช้จ่ายในทุกกรณี ยกเว้นกรณีที่เกินสิทธิ ผู้ต้องขังหรือญาติผู้ต้องขังต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนนี้ ยืนยันว่ากรณีผู้ต้องขังเจ็บป่วยฉุกเฉินจะได้รับการรักษาตัวทันท่วงทีเป็นบรรทัดฐานเดียวกัน

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์