แทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงที่มีผู้มาร้องเรียนถึงนายแพทย์ที่ก่อตั้งโรงพยาบาลชื่อดัง หลอกเงินคนอื่นมาลงทุนว่า เรื่องนี้ มีคนส่งเรื่องมาให้กว่า 30 ราย มูลค่าความเสียหายกว่าพันล้าน โดยมีพฤติการณ์หลอกลงทุนทำ Wellness โดยระดมทุนจากประเทศหนึ่งจากตะวันออกกลางมาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งใช้เงินประมาณ 20,000 ล้านบาท มีการระบุว่าจะยกระดับ Wellness ของไทย และอ้างว่า ต้องมีเงินค้ำสัญญาก่อน ซึ่งผู้เสียหายเป็นหมอ เป็นผู้มีอันจะกิน เฉลี่ยแล้ว 50 ล้านบาทขึ้นไปในแต่ละราย คิดว่ากรณีนี้ใหญ่มาก เท่าที่ทราบมีการระดมทุนไปถึง 8,000-9,000 ล้านบาทแล้ว
“ท่านมีโมเดล มีแผนชัดเจนว่า ท่านจะทำอย่างไร ทำตึกอย่างไร ทำครบวงจรอย่างไร แต่ว่าอันนี้ก็ไม่อยากจะไปกล่าวหาท่าน หากท่านไม่แสดงความบริสุทธิ์ใจ ลักษณะแบบนี้ ร่องรอยไม่ชอบมาพากลแบบนี้ ก็เชื่อได้ว่าท่านอาจจะตั้งใจที่จะปิดบังซ่อนเร้นข้อมูลด้วยหรือไม่ตั้งแต่แรก ซึ่งเรื่องนี้ต้องไปตรวจสอบดู แต่ว่าอย่างไรก็ดีที่มีข่าวว่าท่านออกไปต่างประเทศแล้ว ผมก็ติดตามอยู่จากผู้เสียหายจำนวนมาก ก็เป็นไปได้ เพราะติดต่ออะไรไม่ได้แล้ว”
— แทนคุณ กล่าว
แทนคุณ กล่าวต่อว่า จากข้อมูลที่ได้มาหลายคนก็ไปดำเนินคดี บริษัทก็พยายามเจรจาเพื่อไกล่เกลี่ย ซึ่งตอนนี้เข้าใจว่าอยู่ระหว่างดำเนินการ อาจจะรอเวลา ถ้าหากว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่าเป็นการเข้าข่ายการฉ้อโกงประชาชนด้วยหรือไม่ ก็อาจจะต้องมีการดำเนินคดีต่อไป ส่วนจะลุกลามไปยังองค์กรต่างๆ ของนายแพทย์คนดังกล่าวด้วยหรือไม่ ก็เป็นสิ่งที่ยากจะคาดคิด แต่เอาเป็นว่าคดีนี้ก็คิดว่าอยากให้ตรวจสอบ
“อยากสื่อสารไปถึงคนที่เกี่ยวข้องด้วยก็แล้วกัน มีหนี้ก็ต้องใช้ ไม่ว่าจะรวยแค่ไหนก็แล้วแต่ เขาเชื่อในเครดิตท่าน ก็ไม่คิดว่าเป็นระดับนี้แล้วจะมีพฤติการณ์อย่างนี้ ผมไม่ได้กล่าวหาท่านว่า ผิดหรือถูกนะครับ แต่ผมบอกว่า ความทุกข์ของคน ที่ผมได้รับมามีคนหนึ่งเครียดจัด เพราะไปเอาเงินเก็บของแม่มาลงทุน คนนี้โดนไป 50 กว่าล้าน เครียดจัด ล้มหมอนนอนเสื่อ เข้าโรงพยาบาล เส้นเลือดในสมองตีบกระทันหัน เพราะฉะนั้น ผมคิดว่าถ้าท่านเชื่อในเรื่องบุญ ในเรื่องเวรกรรมบาปบุญคุณโทษ ผมคิดว่าท่านหาโอกาสคืนเงินให้กับผู้เสียหายเถอะ”
— แทนคุณ กล่าว
แทนคุณ กล่าวด้วยว่า เงินที่เราเอาไปใช้เป็นเงินบาปทั้งนั้น เงินที่ได้จากการหลอกลวงคนเอาไปใช้อย่างสุขสบายสุดท้ายไม่ใช้ชาตินี้ก็ต้องใช้ชาติหน้า และผลของกรรมจะตกไปถึงคนในครอบครัวด้วย ถือเป็นหลักธรรมะทั่วไปที่คิดว่าในภาคปฏิบัติรบกวนจะต้องเชื่อในสิ่งเหล่านี้
เมื่อถามว่า ดำเนินคดีไปแล้วหรือยัง แทนคุณ กล่าวว่า ตอนนี้อยู่ระหว่างการข้อมูลพยานหลักฐานมีคนไปแจ้งความไว้แล้ว ที่ สน.ห้วยขวาง มีข้อมูลหลายอย่าง แต่ขอรอเวลา เพราะเป็นเรื่องที่กระทบกระเทือนต่อความเชื่อมั่นอื่นๆ ถ้าเขายังทำธุรกิจต่อไปได้ ก็หวังว่าจะสามารถนำเงินมาคืนให้กับพี่น้องประชาชนคนอื่นด้วย