‘ทวี’ ชี้ เรื่องดี ‘ทักษิณ’ นั่งที่ปรึกษาปธ.อาเซียน

17 ธ.ค. 2567 - 03:06

  • ‘ทวี’ บอกเป็นเรื่องดี ‘ทักษิณ’ นั่งที่ปรึกษาปธ.อาเซียน

  • ชี้ ‘อันวาร์’ เห็นศักยภาพ มอง ไม่เกี่ยวแก้ปัญหาไฟใต้

  • พร้อมระบุ เป็นเรื่องดี ได้พิสูจน์ความจริงหลัง ‘ป.ป.ช.’ ตั้งองค์คณะไต่สวนกรณีป่วยทิพย์ชั้น 14 มั่นใจ 12 คนแจงได้ มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์-เวชระเบียน ลั่น ใครมีหลักฐานก็นำไปมอบป.ป.ช. ปัด สุดท้ายจนท.ซวยแทน เหตุตอนนั้นยังไม่ได้นั่งรมว.ยธ.

tawee-taksin-17dec2024-SPACEBAR-Hero.jpg

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย แต่งตั้ง ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษาประธานอาเซียน จะทำให้เหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ดีขึ้นหรือไม่ว่า การแต่งตั้งให้ทักษิณเป็นที่ปรึกษา ไม่น่าจะเกี่ยวกับเหตุการณ์ในภาคใต้ แต่น่าจะเป็นเพราะอันวาร์ เห็นคุณค่าและศักยภาพ โดยเฉพาะขณะนี้อาเซียนเป็นภูมิภาคที่มีความสำคัญ เพราะถือเป็นศักยภาพของโลก ทั้งความมั่นคงด้านอาหาร และความหลากหลาย และภาคใต้ก็เป็นจุดหนึ่งที่รัฐบาลต้องพัฒนาและยกระดับความสำคัญ เพื่อให้เห็นว่าการเปลี่ยนผ่านจากความขัดแย้งต่างๆ เป็นพลวัตที่ทุกคนต้องมีส่วนร่วม และคงหนีไม่พ้นเรื่องการให้ความยุติธรรม การเยียวยา รวมถึงการฟื้นฟูและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน อดีตถือเป็นบทเรียนที่ดี ปัจจุบันและอนาคต เป็นความรับผิดชอบของทุกคนร่วมกัน ซึ่งเชื่อว่าเป็นเรื่องดีที่รัฐบาลมาเลเซียให้ความสำคัญ

เมื่อถามถึงกรณีกลุ่ม BRN ยื่นข้อเสนอให้รัฐบาลตั้งคณะเจรจาพูดคุยเพื่อสันติภาพ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เขาอยากให้มีการพูดคุย ซึ่งเป็นเรื่องนโยบาย เราก็ทำอยู่ แต่เราคงไม่ไปอยู่ใต้ใคร ซึ่งรัฐบาลก็มีทิศทาง ทั้งนี้ หากมีการพูดคุย ควรเปิดให้ประชาชนทุกภาคส่วนได้ร่วมพูดคุย การรับฟังประชาชนถือว่าสำคัญที่สุด 

ทั้งนี้ ส่วนตัวเห็นว่าการแก้ปัญหาความขัดแย้ง ต้องแก้ด้วยรัฐศาสตร์ และการกระจายอำนาจ ซึ่งการพูดคุยก็เป็นกิจกรรมหนึ่ง สุดท้ายอยู่ที่การบริหาร และการคุ้มครองประชาชน

รมว.ยุติธรรม ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติแต่งตั้งองค์คณะไต่สวนกรณีกล่าวหา สหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และพล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งหมด 12 คน ส่งตัวผู้ต้องขัง ทักษิณ จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจโดยมิชอบ และให้ทักษิณอยู่รักษาที่โรงพยาบาลตำรวจจนกระทั่งครบ 180 วัน ทั้งที่ไม่เจ็บป่วยจริงว่า ได้ทราบข่าวแล้ว ส่วนตัวมีความเชื่อมั่นทั้ง 12 คนที่ถูกระบุชื่อ เพราะได้เห็นหลักฐานแล้ว ได้ปฏิบัติตามกฏหมายและระเบียบ ตามหลักวิชาชีพที่เป็นสากลทุกประการและถือเป็นเรื่องที่ดีที่ ป.ป.ช.รับเรื่องไว้ไต่สวน เพราะเป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของสังคม การเข้าไปไต่สวนจะทำให้บุคคลที่ยังไม่ได้ส่งหลักฐานจะได้มอบข้อมูลและหลักฐาน เนื่องจากเรื่องนี้มีประเด็นเรื่องข้อกฎหมาย กรณีผู้ป่วยจะมีกฎหมายคุ้มครอง จึงไม่ได้นำหลักฐานส่งไป ซึ่งได้เคยสอบถามไปว่าหากมอบหลักฐานไปแล้วและมีการนำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นทางการเมืองก็จะนำเรื่องนี้ไปส่งมอบให้กับ ป.ป.ช. และเชื่อมั่นว่า ป.ป.ช. จะอยู่บนเหตุผลและข้อมูล ถือเป็นเรื่องที่ดีที่ต่อไปนี้ประเด็นนี้จะเข้าสู่กระบวนการที่ชอบด้วยกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรมราชทัณฑ์เตรียมข้อมูลไว้พร้อมแล้วใช่หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ทุกคนมั่นใจ เพราะกฎหมายถูกเขียนเอาไว้ก่อนที่บุคคลจะมาที่เรือนจำ ซึ่งผู้คุมขังประกอบด้วย 1.ราชทัณฑ์ 2.กฎกระทรวงคือโรงพยาบาล 3.ที่คุมขังอื่น ถือเป็นหลักสากล แต่ประการสำคัญคือกระบวนการเรื่องป่วย ทั้งแพทย์และบุคลากรมีความมั่นใจ หากได้ดูเวชระเบียนหรือหลักฐานซึ่งเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ถือเป็นเรื่องที่ดีไม่เช่นนั้นจะเอาไปพูดในสถานที่ต่างๆ หากใครมีพยานหลักฐานควรจะนำไปมอบให้กับ ป.ป.ช. ส่วนตัวเชื่อมั่นในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทุกคน เพราะเขามีประวัติและผลงานเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต และการทำงานตรงไปตรงมา อย่ามองว่า กรมราชทัณฑ์จะเข้าข้างใคร กรมราชทัณฑ์ไม่เคยอคติกับใคร เราต้องบริหารงานตามกฎหมาย อาจจะไม่มีดุลยพินิจด้วยซ้ำไปเพราะกฎหมายเขียนไว้ 

ทั้งนี้ ถือเป็นเรื่องที่ดีใช่หรือไม่ที่จะได้พิสูจน์ความจริงกันไปเลย พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งการรับเรื่องไว้ไต่สวนก็มีอยู่หลายเรื่อง ซึ่งปัญหาดังกล่าวมีมุมมองเรื่องป่วยจริงหรือไม่ป่วยจริง และหลักฐานทางการแพทย์ ในฐานะที่ได้เห็นผ่านตา ในบางช่วงยืนยันว่า หลักฐานมีครบทุกอย่าง และถือเป็นเรื่องที่ดีที่ให้ผู้ที่ถูกระบุชื่อได้ไปชี้แจง

สุดท้ายแล้วก็เป็นฝ่ายปฏิบัติที่ถูกตรวจสอบหรือไม่นั้น พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า คงไม่ เพราะ ป.ป.ช.ก็เขียนระบุไว้อยู่แล้ว เพียงแต่เขามองว่า ในขณะนั้น ยังไม่ได้รับตำแหน่ง รมว.ยุติธรรม 

สำหรับเรื่องนี้เหมือนจะถูกตัดตอนอยู่ที่เจ้าหน้าที่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ป.ป.ช.เป็นองค์กรที่จะต้องดำเนินการไต่สวน หากสืบสวนแล้วไม่มีมูลก็ไม่รับ ซึ่งมีเรื่องที่ถูกร้องเรียนและไม่ถูกชี้มูลก็เยอะ 

พ.ต.อ.ทวี ยืนยันว่า ไม่ได้กังวลที่ประเด็นดังกล่าวอาจจะทำให้หลุดออกจากเก้าอี้ เพราะเรายึดมั่นในข้อเท็จจริงและหลักกฏหมาย และทักษิณถูกควบคุมตามกฏหมาย เพียงแต่ไม่สะใจกับคนบางกลุ่ม อย่างเช่น รายงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ที่เคยกล่าวอ้าง ซึ่งไม่เคยสอบบุคคลที่เกี่ยวข้องเลย เป็นเพียงการเรียกบุคคลแล้วเอาความคิดเห็น ซึ่งหากเอาความเห็นของคนที่อยู่ตรงข้ามมันก็จะปรากฏเช่นนั้น ไม่ใช่ความเห็นปกติในการสืบสวนสอบสวน เขาควรจะเอาประจักษ์พยาน ผู้รู้ผู้เห็นจริงและอยู่ในเหตุการณ์ เรายืนยันว่า โรคที่ปรากฏเกินกว่าศักยภาพของโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และการส่งตัวทุกแห่งกฎหมายไม่ได้ให้ถามโรงพยาบาล กฎหมายให้สถานพยาบาลของเรือนจำซึ่งมี 400 กว่าแห่ง เป็นสถานพยาบาลที่ไม่มีแพทย์ มีแพทย์แค่ทัณฑสถาน ส่วนที่อื่นๆ จะมีแค่พยาบาลหรือบุคคลที่ผ่านการฝึกอบรมเท่านั้น เมื่อประเมินแล้วก็ส่งตัว ซึ่งเป็นไปตามกฏหมายที่ระบุว่าให้ส่งตัวโดยเร็ว ส่วนประเด็นที่มีความสงสัย ทุกคนจะเอาข้อมูลไปส่งให้กับ ป.ป.ช. ส่วนตัวเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเรื่องนี้ได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว หากใครที่ไม่พอใจประเด็นใดก็นำหลักฐานไปส่งให้ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นองค์กรอิสระให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง

ส่วนจะกังวลหรือไม่ว่าต่อไปเจ้าหน้าที่จะเกียร์ว่างเนื่องจากทำแล้วจะต้องถูกตรวจสอบ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า มาเป็น รมว.ยุติธรรม ไม่เคยทำอะไรเพื่อส่วนตัวเลย อยากให้ข้าราชการทำตามกฏหมาย 

ทั้งนี้ หากประเด็นของทักษิณเคลียร์หมดแล้ว ถ้า ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมาจะง่ายขึ้นใช่หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ต้องเป็นไปตามกฏหมายคือ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งเราพัฒนากระบวนการยุติธรรมอยู่แล้ว และหากใครเห็นว่ากฎหมายนี้ไม่ดีหรือต้องมีการแก้ไข สามารถมาเสนอแนะได้ ก็รับฟัง แม้แต่ข้อเสนอแนะของ กสม. เกี่ยวกับกฎกระทรวงดังกล่าว ทำไมไม่ให้อำนาจรัฐมนตรีในการพิจารณา ให้เพียงแค่รับทราบ ซึ่งเป็นกฎกระทรวงเก่า อย่างไรก็ตาม การรับทราบไม่ได้หมายความว่าคนที่เป็นรัฐมนตรีจะไม่ดูแล โดยในกรณีดังกล่าวทางกรมราชทัณฑ์ได้ส่งใบแพทย์และได้สอบถามหลายครั้ง ซึ่งได้เห็นและเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ว่าเกินขีดความสามารถของโรงพยาบาลราชทัณฑ์ที่จะรับไว้ และที่สำคัญ ทักษิณอยู่ในหลักเกณฑ์การถูกคุมขังของราชทัณฑ์ครบตามกฏหมาย ไม่ได้มีชั่วโมงไหนที่ไม่ได้อยู่ในที่คุมขังซึ่งหมายถึงเรือนจำ ซึ่งทุกสถานที่ไม่ใช่เฉพาะกรณีของทักษิณ แต่ทุกที่ที่มีคนป่วย

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์