









พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค และคณะทำงานด้านเศรษฐกิจพรรคก้าวไกล เข้าพบผู้บริหารสภาหอการค้าไทย ตามที่ สนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้เรียบเชิญเพื่อมาแลกเปลี่ยนแผนการทำงานของรัฐบาลหลังการจัดตั้งรัฐบาลเสร็จสิ้น
ทั้งนี้ พิธา หัวหน้าพรรคก้าวไกล เปิดเผยว่า มีการหารือกับ 13 ประเด็น เช่น คอร์รัปชัน , ระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก EEC , การบริหารเศรษฐกิจ BCG , เศรษฐกิจชายแดน เป็นต้น รวมทั้งความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ที่นำโดยพรรคก้าวไกล ซึ่งในการพบปะครั้งหน้าจะมีคณะทำงานที่มีตัวแทนแต่ละพรรคมาร่วมพูดคุยในหลายประเด็นจากทั้งฝั่งภาคเอกชนและรัฐบาล เช่น ตัวเลขส่งออก ตัวเลขเศรษฐกิจ ค่าเงินเฟ้อ เป็นต้น
ขณะที่ สนั่น กล่าวว่า ผลเลือกตั้งสะท้อนโอกาสให้คนรุ่นใหม่ มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลบริหารประเทศ ซึ่งสภาหอการค้าฯ ได้ติดตามการลงนาม MOU รวม 23 ข้อ ของพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลอย่างใกล้ชิด รวมถึงติดตามการตั้งคณะทำงานย่อย 7 คณะ ภายใต้คณะทำงานด้านเปลี่ยนผ่าน (Transition Team) ซึ่งถือเป็นการทำงานเตรียมการจัดตั้งรัฐบาลที่รวดเร็ว
ทั้งนี้ สภาหอการค้าฯ มีความหวังจะเห็นการจัดตั้งรัฐบาลที่มีเสถียรภาพให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด เพื่อเป็นความหวังให้ประเทศและประชาชน หลังจากนี้สภาหอการค้าฯ พร้อมทำงานและประสานงานร่วมกับรัฐบาลใหม่ เพื่อประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงยังขอให้รัฐบาลชุดใหม่ให้ความสำคัญกับหอการค้าจังหวัด และเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศขณะนี้ ยังประสบปัญหาอยู่
ส่วนเรื่องช่วงเวลาการจัดตั้งรัฐบาล พิธา กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าจะรับรองสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ได้ 95% เมื่อใด จากนั้นจึงจะมีกรอบกฎหมายอื่นๆ ตามมา ทั้งการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร เลือกประธานสภา เลือกนายกรัฐมนตรี การตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป
ทั้งนี้ พิธา หัวหน้าพรรคก้าวไกล เปิดเผยว่า มีการหารือกับ 13 ประเด็น เช่น คอร์รัปชัน , ระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก EEC , การบริหารเศรษฐกิจ BCG , เศรษฐกิจชายแดน เป็นต้น รวมทั้งความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ที่นำโดยพรรคก้าวไกล ซึ่งในการพบปะครั้งหน้าจะมีคณะทำงานที่มีตัวแทนแต่ละพรรคมาร่วมพูดคุยในหลายประเด็นจากทั้งฝั่งภาคเอกชนและรัฐบาล เช่น ตัวเลขส่งออก ตัวเลขเศรษฐกิจ ค่าเงินเฟ้อ เป็นต้น
ขณะที่ สนั่น กล่าวว่า ผลเลือกตั้งสะท้อนโอกาสให้คนรุ่นใหม่ มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลบริหารประเทศ ซึ่งสภาหอการค้าฯ ได้ติดตามการลงนาม MOU รวม 23 ข้อ ของพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลอย่างใกล้ชิด รวมถึงติดตามการตั้งคณะทำงานย่อย 7 คณะ ภายใต้คณะทำงานด้านเปลี่ยนผ่าน (Transition Team) ซึ่งถือเป็นการทำงานเตรียมการจัดตั้งรัฐบาลที่รวดเร็ว
ทั้งนี้ สภาหอการค้าฯ มีความหวังจะเห็นการจัดตั้งรัฐบาลที่มีเสถียรภาพให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด เพื่อเป็นความหวังให้ประเทศและประชาชน หลังจากนี้สภาหอการค้าฯ พร้อมทำงานและประสานงานร่วมกับรัฐบาลใหม่ เพื่อประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงยังขอให้รัฐบาลชุดใหม่ให้ความสำคัญกับหอการค้าจังหวัด และเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศขณะนี้ ยังประสบปัญหาอยู่
ส่วนเรื่องช่วงเวลาการจัดตั้งรัฐบาล พิธา กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าจะรับรองสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ได้ 95% เมื่อใด จากนั้นจึงจะมีกรอบกฎหมายอื่นๆ ตามมา ทั้งการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร เลือกประธานสภา เลือกนายกรัฐมนตรี การตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป