กองทัพอากาศได้จัดเครื่องบินลำเลียงแบบ A340-500 จำนวน 1 เครื่อง เพื่อพยพคนไทยในประเทศอิสราเอล จำนวน 137 คน โดยออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง เวลา 00.30 ( 15 ต.ค. 66) ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติเบนกูเรียน ประเทศอิสราเอล
โดยมี 'พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล' ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) และนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน ร่วมรับฟังการบรรยายสรุปแผนการปฏิบัติ พร้อมทั้งให้กำลังใจกำลังพลทหารอากาศ และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน
ภายหลังจากที่ได้รับอนุญาตให้บินผ่านน่านฟ้าของประเทศต่างๆ รวม 10 ประเทศ ได้แก่ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สาธารณรัฐประชาชนจีน คาซัคสถาน อุซเบกิสถาน เติร์กเมนิสถาน อาเซอร์ไบจาน อาร์มิเนีย ตุรกี ไซปรัส และอิสราเอล
พล.อ.อ.พันธ์ภักดี กล่าวว่า ทางกองทัพอากาศได้จัดกำลังพล ประกอบด้วยนักบิน ลูกเรือ เจ้าหน้าที่อำนวยการ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และทีมแพทย์ รวมทั้งมีเจ้าหน้าที่จากกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงแรงงาน รวม 41 คน ร่วมเดินทางไปด้วยเพื่อให้การช่วยเหลือ และอำนวยความสะดวกแก่คนไทย
โดยเครื่องบินมีกำหนดเดินทางกลับถึงประเทศไทยในวันจันทร์ที่ 16 ต.ค.66 เวลา 04.40 น. ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6
“ทางกองทัพอากาศ ได้วางแผนการบินต่อเนื่อง จำนวนรวม 6 เที่ยวบิน จนถึงสิ้นเดือน ต.ค.66 เพื่อให้การช่วยเหลือคนไทยอย่างเต็มขีดความสามารถต่อไป”พล.อ.อ.พันธ์ภักดี กล่าว
เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่าเครื่องบินพร้อมแต่นักบินไม่พร้อม ผบ.ทอ. กล่าวว่า นักบินเรามีความพร้อมครั้งนี้เป็นการอพยพเรามีการวางแผนอพยพประมาณ 7,000 กว่าคน ซึ่งไม่เคยมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมาก่อน นักบินก็มีความกดดัน จึงต้องมีการเตรียมสรรพกำลัง แต่ในส่วนของกองทัพอากาศ เรามีความพร้อมแน่นอน
แต่ต้องเป็นไปตามกฎการบิน แต่เราได้มีนักบินสำรองจากการบินไทย มาเพิ่มเติม ตามกฎนักบินต้องพักตามกฎการบิน 48 ชั่วโมง หลังจากเที่ยวบินนี้ เสร็จก็จะปรับแผนใหม่ เพื่อหาเส้นทางที่ย่นระยะการเดินทาง ให้ใช้เวลาน้อยลง 12 ชั่วโมง ให้เหลือ 8 ชั่วโมง
เมื่อถามว่ากองทัพอากาศได้มีการประสานงานกับกระทรวงกลาโหมของประเทศอิสราเอลในเรื่องนี้หรือไม่ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศเป็นหลัก แต่ได้มีการประชุมติดตามความคืบหน้าตลอด
เมื่อถามว่าความปลอดภัยในการบินเข้าพื้นที่ประเทศอิสราเอล ผบ.ทอ. กล่าวว่า เบื้องต้นยังมีความปลอดภัย แต่หากมีเหตุฉุกเฉิน เช่นมีการปิดน่านฟ้า ก็จะใช้วิธีเดินทางอ้อมประเทศและมีแผนสนามบินสำรอง โดยน้ำมันมีการจัดเตรียมไว้เพียงพอ
ในส่วนการให้ความช่วยเหลืออพยพคนไทยจากอิสราเอล จะมีการใช้เครื่องบินสลับกันระหว่างกองทัพอากาศและเครื่องบินพาณิชย์
“ภารกิจการรับแรงงานไทยในอิสราเอลครั้งนี้ ถือเป็นเที่ยวบินแรกของกองทัพอากาศ โดยกองทัพอากาศวางแผนการบินต่อเนื่อง ซึ่งเที่ยวบินที่ 2 ที่จะเดินทางไปรับแรงงานไทยกำหนดไว้วันที่ 18 ต.ค.นี้ กำหนดการเวลาจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง” พล.อ.อ.พันธ์ภักดี กล่าว
