‘ไทย-กัมพูชา’ กระชับความร่วมมือ 2 ประเทศ

7 ก.พ. 2567 - 06:30

  • ‘นายกฯ’ หารือ ‘นายกฯ กัมพูชา’ เดินหน้ากระชับความร่วมมือตามชายแดน เพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุน

  • พร้อมแสวงหาความร่วมมือด้านความมั่นคงทางพลังงาน การแก้ปัญหา PM 2.5 อาชญากรรมข้ามพรมแดน ท่องเที่ยว และแรงงาน

  • ลงนามและแลกเปลี่ยน MOU 5 ฉบับ ยกระดับความสัมพันธ์สู่การเป็น ‘หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์’ พร้อมส่งเสริมความร่วมมือทุกมิติ

thai-cambodia-government-of-thailand-7feb24-SPACEBAR-Hero.jpg

เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้การต้อนรับสมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาแนต (Samdech Moha Borvor Thipadei Hun Manet) นายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา ในโอกาสเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล 

โดยผู้นำไทยและกัมพูชาได้ร่วมตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ ณ บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล จากนั้น นายกรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้ร่วมหารือเต็มคณะ ณ ตึกภักดีบดินทร์ 

นายกรัฐมนตรี ยินดีกับความร่วมมือทวิภาคีของทั้งสองประเทศที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วครอบคลุมในหลายประเด็น นับตั้งแต่ที่หารือร่วมกันเมื่อครั้งที่ได้ไปเยือนกัมพูชาอยางเป็นทางการ เดือนกันยายน 2566 ที่ผ่านมา และการเดินทางมาเยือนไทยครั้งนี้ของนายกรัฐมนตรีกัมพูชาจะเป็นโอกาสที่ดีในการติดตามความคืบหน้าของแต่ละประเด็นร่วมกัน

นายกรัฐมนตรีกัมพูชาขอบคุณการต้อนรับอย่างอบอุ่น ไทยและกัมพูชาเป็นมิตรประเทศที่มีความสัมพันธ์และความร่วมมือครอบคลุมทุกมิติมาอย่างต่อเนื่อง ผู้นำทั้งสองประเทศต่างมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและได้มีการหารือระหว่างกันในหลากหลายโอกาส ซึ่งการเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการในวันนี้ ไทยและกัมพูชาจะได้หารือและติดตามประเด็นความร่วมมือระหว่างกันให้ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น

thai-cambodia-government-of-thailand-7feb24-SPACEBAR-Photo01.jpg

โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นความร่วมมือที่สำคัญ ดังนี้ 

ด้านความสัมพันธ์ นายกรัฐมนตรีขอบคุณสำหรับการสนับสนุนการเปิดสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา ซึ่งไทยตั้งเป้าหมายที่จะเปิดในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 นี้ และพร้อมอำนวยความสะดวกให้แก่กัมพูชาในการเปิดสถานกงสุลใหญ่กัมพูชา ณ จังหวัดสงขลา เช่นเดียวกัน ด้านนายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่าการเปิดสถานกงสุลจะเปิดโอกาสให้ไทยและกัมพูชาได้ส่งเสริมความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศที่มีร่วมกันให้ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น

ด้านการค้าขายและการลงทุน ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่เพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุนทวิภาคีให้มากขึ้น โดยเฉพาะการอำนวยความสะดวกการไปมาหาสู่ของประชาชน และการค้าตามแนวชายแดนให้มากขึ้น ลดการอุปสรรคทางการค้าระหว่างกัน ซึ่งจะช่วยเพิ่มนำไปสู่ปริมาณการค้าชายแดนไทย-กัมพูชาให้มากขึ้น นอกจากนี้ กัมพูชายังขอให้ทั้งสองฝ่ายหารือเพิ่มเติมถึงแนวทางการเชื่อมโยงเขตเศรษฐกิจพิเศษในชายแดนไทยและกัมพูชา บริเวณจังหวัดสระแก้วและปอยเปตของกัมพูชา

ด้านความมั่นคงพลังงาน ทั้งสองฝ่ายต่างมองว่าสถานการณ์โลกปัจจุบันส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางพลังงานของทั้งไทยและกัมพูชา พร้อมตกลงที่จะกระชับความร่วมมือในด้านความมั่นคงด้านพลังงาน มีการตกลงที่จะหารือเพิ่มเติมเพื่อแสวงหาประโยชน์ร่วมกันจากทรัพยากรด้านพลังงานในพื้นที่ทับซ้อนกันระหว่างทั้งสองประเทศ (Overlapping Claims Area: OCA)

ด้านการพัฒนาชายแดนและการท่องเที่ยว ไทยและกัมพูชาต่างให้ความสำคัญกับการพัฒนาพื้นที่ชายแดน ซึ่งผู้นำทั้งสองฝ่ายพร้อมทำงานอย่างใกล้ชิด เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ที่ดีให้แก่ประชาชนชายแดนทั้งสองฝั่ง ทั้งการประสานความร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด การยกระดับจุดผ่านแดนระหว่างกัน รวมทั้งปรับปรุงข้อตกลงว่าด้วยการข้ามพรมแดน เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวบริเวณชายแดน โดยไทยได้เสนอให้หารือเพิ่มเติม เพื่อประสานความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวของแต่ละประเทศในภูมิภาค ให้นักท่องเที่ยวสามารถท่องเที่ยวในไทย และท่องเที่ยวต่อไปยังกัมพูชา และประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ ได้ในคราวเดียว ด้านนายกรัฐมนตรีกัมพูชาพร้อมให้หารือร่วมกันระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยว เพื่อส่งเสริมการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวในระดับภูมิภาคร่วมกัน

thai-cambodia-government-of-thailand-7feb24-SPACEBAR-Photo02.jpg

ด้านความร่วมมือประเด็นหมอกควันข้ามแดน (PM 2.5) ผู้นำไทยและกัมพูชาต่างเน้นย้ำถึงการแก้ปัญหาหมอกควัน เพื่ออากาศที่ดีของประชาชนไทยและกัมพูชา โดยพร้อมแบ่งปันข้อมูลและแจ้งเตือนเหตุเพลิงไหม้ สนับสนุนการจัดการปัญหาการเผาไหม้ทางการเกษตร พร้อมเสนอให้มีการขยายความร่วมมือต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือกันระดับภูมิภาค 

ด้านอาชญากรรมข้ามชาติ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะแก้ไขปัญหาเครือข่ายหลอกลวงทางไซเบอร์ โดยเพิ่มการเฝ้าระวังตามแนวชายแดน ทั้งการป้องกันการลักลอบค้ายาเสพติด สินค้าเถื่อน และการกระทำผิดกฎหมายอื่นๆ โดยผู้นำไทยและกัมพูชายืนยันที่จะการดำเนินการร่วมกันในการกวาดล้างผู้กระทำผิด พร้อมแสวงหาความร่วมมือที่ใกล้ชิดเพิ่มเติมระหว่างตำรวจไทยและกัมพูชาในการจับกุมผู้กระทำความผิด

ด้านแรงงาน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาขอบคุณนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลไทยทีให้ความสำคัญกับแรงงานกัมพูชา ในฐานะส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย พร้อมขอให้ไทยอำนวยความสะดวกแรงงานกัมพูชาที่ต้องการกลับไปเยี่ยมบ้านในช่วงเทศกาลสงกรานต์ซึ่งตรงกับปีใหม่ของกัมพูชาด้วย ด้านนายกรัฐมนตรีพร้อมนำไปพิจารณา และเน้นย้ำถึงการดูแลสวัสดิภาพของแรงงานในไทย และยินดีส่งเสริมให้แรงงานกัมพูชาเข้าถึงสิทธิประโยชน์และสวัสดิการทางสังคมของไทยด้วย

thai-cambodia-government-of-thailand-7feb24-SPACEBAR-Photo03.jpg

นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา ยังได้เป็นสักขีพยานในพิธีลงนามและแลกเปลี่ยนบันทึกความเข้าใจ 5 ฉบับ ดังนี้ 

  1. บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติและการรับมือเหตุฉุกเฉินระหว่างไทยกับกัมพูชา (MoU between the Ministry of Interior of the Kingdom of Thailand and the National Committee for Disaster Management of the Kingdom of Cambodia on Cooperation in the Area of Disaster Risk Reduction and Emergency Response) ซึ่งผู้ลงนามฝ่ายไทยคือ นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และฝ่ายกัมพูชา คือ H.E. General Kun Kim รัฐมนตรีอาวุโส และรองประธานคณะกรรมการบริหารจัดการภัยพิบัติแห่งชาติกัมพูชา (Senior Minister and First Vice-President of National Committee for Disaster Management of Cambodia)  
  2. บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กับกระทรวงอุตสาหกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมกัมพูชา (MoU Between the Government of the Kingdom of Thailand and the Government of the Kingdom of Cambodia on Academic, Scientific and Technological Cooperation) ซึ่งผู้ลงนามฝ่ายไทยคือ นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และฝ่ายกัมพูชา คือ H.E. Hem Vanndy รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมกัมพูชา (Minister of Industry Science, Technology and Innovation)  
  3. บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการผ่านแดนสินค้าระหว่างกรมศุลกากรแห่งราชอาณาจักรไทยและกรมศุลกากรและสรรพสามิตแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา (MoU on the Transit of Goods between the Customs Department of the Kingdom of Thailand and the General Department of Customs and Excise of Cambodia) ซึ่งผู้ลงนามฝ่ายไทย คือ นายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร และฝ่ายกัมพูชา คือ H.E. Dr. Kun Nhem รัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี และกรมศุลกากรและสรรพสามิตกัมพูชา (Minister Attached to Prime Minister and the General Department of Customs and Excise of Cambodia)  
  4. บันทึกความเข้าใจระหว่าง ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยและหอการค้ากัมพูชา เพื่อส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างไทยและกัมพูชา (MoU between Export-Import Bank of Thailand and the Cambodia Chamber of Commerce to promote trade and investment between Thailand and Cambodia) ซึ่งผู้ลงนามฝ่ายไทย คือ ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM Bank และฝ่ายกัมพูชา คือ Neak Okhnha Kith Meng ประธานหอการค้ากัมพูชา  
  5. บันทึกความเข้าใจระหว่างสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและหอการค้ากัมพูชา (MoU between Board of Trade of Thailand and Cambodia Chamber of Commerce) ซึ่งผู้ลงนามฝ่ายไทย คือ นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าไทย และฝ่ายกัมพูชา คือ Neak Okhnha Kith Meng ประธานหอการค้ากัมพูชา

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์