พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงนามคำสั่งกองทัพภาคที่ 2 (เฉพาะ) 176/68 เรื่องอนุมัติปิดจุดผ่อนปรน การค้าช่องสายตะกู ตำบลจันทบเพชร อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ ตามคำสั่งกองทัพบก (เฉพาะ) ที่ 806 /2568 เรื่องการควบคุม การเปิด - ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชา เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ให้กองทัพภาคที่ 2
โดยกองกำลังสุรนารี มีอำนาจการควบคุมการเปิด - ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดน ไทย - กัมพูชา ในพื้นที่รับผิดชอบ ของกองกำลังสุรนารี วิธีการและเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลา ที่จำเป็นเหมาะสม ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี
เพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณาภาพแห่งดินแดนของประเทศไทย การรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย พร้อมทั้งให้เกิดความเหมาะสมต่อการปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดนและความมั่นคงของประเทศไทย
กองทัพภาคที่ 2 จึงอนุมัติให้ปิดจุดผ่อนปรน การค้าช่องสายตะกู ตำบลจันทบเพชร อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ ตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป
ขณะที่เช้าวันนี้ (22 มิ.ย.) พลเอก ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊คแสดงความไม่พอใจหลังกองทัพภาคที่ 2 ออกคำสั่งปิดด่านจุดผ่อนปรนการค้า ‘ช่องสายตะกู’ ต.จันทบเพชร อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ตรงข้ามกับช่องจุ๊บโกกี อ.บันเตียอัมปึล จ.อุดรมีชัย ของกัมพูชา มีผลทันทีตั้งแต่วันนี้ โดยระบุว่า
เมื่อคืนที่ผ่านมา (21 มิ.ย.) ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรมีชัยได้แจ้งว่า กองทัพภาคที่ 2 ของกองทัพไทยได้ออกหนังสือแจ้งฝ่ายไทยให้ปิดด่านชายแดนสายตะกู-จุ๊บโกกี ในเขตบันเตียอัมปึล จังหวัดอุดรมีชัย โดยจะมีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
“ข้าพเจ้าได้ตกลงกับผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรมีชัย ให้ปิดด่านชายแดนนี้ในฝั่งกัมพูชาเป็นการถาวร นอกจากด่านชายแดนจุ๊บโกกีแล้ว ข้าพเจ้าได้สั่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรมีชัยปิดด่านชายแดนอีก 1 ด่าน คือ ด่านช่องจวม ในเขตอันลองเวง จังหวัดอุดรมีชัย (ตรงข้ามด่านสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ) โดยจะมีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และให้แจ้งให้ฝ่ายไทยทราบด้วย”
“ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 2568 กองทัพไทยได้ปิดด่านชายแดนฝ่ายเดียวและเปลี่ยนแปลงเวลาเปิด-ปิดด่านชายแดนระหว่าง 2 ประเทศ โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อการเดินทางของผู้คนจากทั้งสองประเทศ”
กัมพูชาไม่เคยคิดที่จะสร้างความลำบากให้กับคนทั้งสองประเทศที่อาศัยอยู่หรือเดินทางข้ามพรมแดน แต่ถ้ากองทัพไทยยังคงใช้วิธีนี้กดดันกัมพูชา กัมพูชาก็จะสงบสุขตลอดไป
เป็นเรื่องแปลกที่ผู้นำทางการเมืองของไทย รวมถึงนายกรัฐมนตรีของไทย มักจะขอให้มีการเจรจาเพื่อเปิดพรมแดนอีกครั้งเพื่อให้ทุกอย่างกลับสู่ภาวะปกติ แต่ในขณะเดียวกัน กองทัพไทยก็ยังคงปิดพรมแดนหรือปรับเวลาเปิดปิดพรมแดนแบบฝ่ายเดียว
“ผมไม่ทราบว่าวิธีการหรือกลยุทธ์ระหว่างรัฐบาลไทยกับกองทัพไทยเป็นอย่างไร เพราะดูเหมือนจะไม่มีข้อตกลงหรือหลักการภายในที่ชัดเจน ฝ่ายหนึ่งขอให้มีการเจรจาทวิภาคีเพื่อเปิดพรมแดนอีกครั้ง ในขณะที่อีกฝ่ายยังคงปิดพรมแดนแบบฝ่ายเดียว”
“สำหรับกัมพูชา เรามีข้อตกลงจากผู้นำประเทศถึงกองทัพแนวหน้า หากนายกรัฐมนตรีออกคำสั่ง สถาบันทั้งระดับชาติและระดับรอง รวมถึงกองทัพ จะต้องปฏิบัติตามคำสั่งนั้นอย่างเคร่งครัด”
“ในส่วนของการเปิดด่านชายแดนระหว่างกัมพูชากับไทยนั้น ผมขอย้ำว่ากัมพูชายังคงยืนหยัดในจุดยืนเดิม นั่นคือไม่จำเป็นต้องมีการเจรจาทวิภาคีเกี่ยวกับการเปิดด่านชายแดนระหว่างสองประเทศ”
“หากฝ่ายไทยต้องการเปิดด่านชายแดนอีกครั้งจริงๆ ก็สามารถทำได้ง่ายและรวดเร็ว กองทัพไทยที่เริ่มปิดด่านฝ่ายเดียวควรเปิดด่านฝ่ายเดียวตามสถานการณ์ก่อนวันที่ 7 มิถุนายน 2568 กัมพูชาจะเปิดด่านอีกครั้งภายใน 5 ชั่วโมง นับเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ง่ายมาก โดยไม่ต้องเจรจากันให้เสียเวลา สิ่งที่จำเป็นคือความปรารถนาอย่างจริงใจจากฝ่ายไทย”
“เมื่อคืนที่ผ่านมา ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรมีชัยได้รายงานให้ผมทราบว่า กองทัพภาคที่ 2 ของกองทัพไทย ได้แจ้งเกี่ยวกับการตัดสินใจฝ่ายเดียวในการปิดด่านชายแดนจุ๊บโกกีตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผมเห็นด้วยกับคำตอบของผู้ว่าราชการที่ว่าเราจะปิดด่านชายแดนดังกล่าวอย่างถาวรเช่นกัน นอกจากนี้ และยังสั่งให้ผู้ว่าราชการ แจ้งฝ่ายไทยด้วยว่า กัมพูชาได้ตัดสินใจปิดจุดตรวจอีกจุดหนึ่งที่จ่าว รวมทั้งจุดตรวจจุ๊บโกกีตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป”
“ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2568 กองทัพไทยได้ดำเนินการปิดจุดตรวจชายแดนระหว่างกัมพูชาและไทยโดยฝ่ายเดียวโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบเชิงลบต่อประชาชนของทั้งสองประเทศมากนัก”
“กัมพูชาไม่เคยมีเจตนาที่จะสร้างความยากลำบากให้กับประชาชนในทั้งสองประเทศของเราที่จำเป็นต้องใช้จุดตรวจชายแดน แต่หากกองทัพไทยยังคงใช้กลวิธีนี้เพื่อกดดันกัมพูชา กัมพูชาสามารถตอบโต้ได้ตามสมควรเมื่อใดก็ได้”
“เป็นเรื่องแปลกที่แม้ว่าผู้นำทางการเมืองของไทย รวมถึงนายกรัฐมนตรี ได้ร้องขอให้มีการเจรจาทวิภาคีเพื่อเปิดจุดตรวจชายแดนอีกครั้งหลายครั้ง แต่กองทัพไทยกลับปิดหรือเปลี่ยนแปลงเวลาปิดจุดตรวจชายแดนโดยฝ่ายเดียว”
“ผมไม่แน่ใจว่านี่คือกลวิธีหรือกลยุทธ์ในการทำงานร่วมกันระหว่างรัฐบาลไทยและกองทัพไทยหรือไม่ เพราะดูเหมือนว่าจะไม่มีฉันทามติและความชัดเจนเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของพวกเขาเกี่ยวกับการปิดชายแดน ฝ่ายหนึ่งต้องการให้มีการเจรจาทวิภาคีเพื่อเปิดจุดตรวจชายแดนอีกครั้งและกลับสู่ภาวะปกติ ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งคือกองทัพไทยยังคงปิดจุดตรวจชายแดนฝ่ายเดียว”
“สำหรับกัมพูชา เรามีฉันทามติจากผู้นำสูงสุดของรัฐบาลถึงทหารภาคพื้นดินเสมอ เมื่อนายกรัฐมนตรีออกคำสั่ง หน่วยงานระดับชาติ ระดับภูมิภาค และทหารจะดำเนินการตามนั้น”
“สำหรับการเปิดจุดตรวจชายแดนระหว่างกัมพูชาและไทย ผมขอเน้นย้ำจุดยืนของรัฐบาลกัมพูชาว่าไม่จำเป็นต้องมีการเจรจาทวิภาคีใดๆ เกี่ยวกับการเปิดจุดตรวจชายแดนอีกครั้ง”
“หากฝ่ายไทยต้องการให้จุดตรวจชายแดนของเรากลับมาดำเนินการตามปกติเหมือนเดิมจริงๆ ก็สามารถทำได้ง่ายและรวดเร็ว กองทัพไทยที่เริ่มปิดจุดตรวจชายแดนฝ่ายเดียวตั้งแต่ 7 มิถุนายน 2568 เพียงแค่ต้องเปิดจุดตรวจชายแดนฝ่ายเดียวอีกครั้งเหมือนก่อนหน้านั้น กัมพูชาจะเปิดจุดตรวจชายแดนฝ่ายเราทั้งหมดใหม่ภายใน 5 ชั่วโมงหลังนั้น วิธีแก้ปัญหาง่ายๆ เช่นนี้สามารถทำได้ง่ายและรวดเร็วโดยไม่ต้องมีการเจรจาทวิภาคีใดๆ สิ่งที่จำเป็นคือความปรารถนาที่แท้จริงและจริงใจที่จะเปิดจุดตรวจชายแดนอีกครั้งโดยฝ่ายไทย”