สถานการณ์สู้รบในเมียนมายังคงมีต่อเนื่อง ในหลายพื้นที่ที่มีการปะทะระหว่าง ‘ทหารเมียนมา-กองกำลังชนกลุ่มน้อย’ ใกล้พื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา ในส่วนของไทยที่เป็น ‘เพื่อนบ้าน’ ใกล้ชิดและมีแนวชายแดนมากที่สุด เริ่มจาก องกำลังนเรศวร รับผิดชอบพื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอน จ.ตาก ได้ประสานกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายเมียนมาจัด ‘พื้นที่ปลอดภัย’ ให้กับผู้หนีภัยจากการสู้รบกว่า 100 แห่ง ตลอดแนวชายแดนไทย-เมียนมา 500 กิโลเมตร ซึ่งรองรับได้ประมาณ 1 แสนคน
ล่าสุด ‘สภากาชาดไทย-กระทรวงการต่างประเทศ’ ได้เพิ่มภารกิจช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ในการส่งมอบสิ่งของใช้ที่จำเป็นแก่ชาวเมียนมาที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบ โดยมี ‘สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว’ ผู้ช่วยรัฐมนตรี ประจำกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ สภากาชาดไทย และกองทัพบก กองกำลังนเรศวร ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 3 ปลัดจังหวัดตาก และนายอำเภอแม่สอด ทำการส่งมอบบริเวณด่านศุลกากรแม่สอด อ.แม่สอด จ.ตาก สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 เพื่อส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่เมียนมา ตามฉันทามติ 5 ข้อ ของอาเซียน ภายหลังที่มีการประชุม รมว.การต่างประเทศ อาเซียน เมื่อช่วงต้นปี 2567
โดยมีผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานอาเซียน เพื่อความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการจัดการภัยพิบัติ (ASEAN Coordinating Centre for Humanitarian Assistance on disaster management: AHA Centre) และผู้แทนจากชุมชนท้องถิ่นร่วมสังเกตการณ์และเป็นสักขีพยาน เพื่อนำสิ่งของมอบให้กับผู้พลัดถิ่นชาวเมียนมาภายในประเทศ (Internally Displaced People - IDPs) ใน 3 พื้นที่รัฐกะเหรี่ยง ประกอบด้วย บ้านนาบู บ้านตามันยา และบ้านไปร่โจง รวม 4,000 ชุด ประกอบด้วย ข้าวสาร อาหารแห้ง และสิ่งของอุปโภคบริโภคอื่นๆ สำหรับประชาชน 20,000 คน ใช้รถบรรทุก 10 คน โดยพื้นที่ที่ไกลที่สุดต้องใช้เวลาเดินทางกว่า 5 ชั่วโมง ในการขนส่งสิ่งของ
การส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมวันนี้ ไทยไม่ได้มองว่าใครว่าเป็นฝ่ายใด หากความช่วยเหลือในครั้งนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ก็จะขยายผลในครั้งต่อไป
สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ผู้ช่วยรัฐมนตรี ประจำกระทรวงการต่างประเทศ
ส่วนความเป็นไปของไทยเปิดให้มีโต๊ะเจรจาระหว่างเมียนมากับกลุ่มต่อต้าน หรือที่เรียกว่า ‘หุ้นส่วนสันติภาพ’ เป็นไปได้หรือไม่ สีหศักดิ์ กล่าวว่า ประเทศไทยพร้อมที่จะช่วยในเรื่องการหารือ แต่ขึ้นอยู่กับความพร้อมของกลุ่มต่างๆ ในเมียนมา แต่เป็นปัญหาภายในเมียนมาที่ต้องแก้ไขกันเอง สำหรับการช่วยเหลือครั้งนี้ถือเป็นการสร้างบรรยากาศที่ดี โดยทิ้งเรื่องการเมืองไว้ก่อน แล้วมาทำเรื่องมนุษยธรรม เป็นการนำร่องให้ทุกฝ่ายมาพูดคุย โดยย้ำความเดือดร้อนประชาขนเป็นที่ตั้ง ถ้าในจุดนี้เรียบร้อย ก็จะนำมาสู่การก้าวข้ามความขัดแย้งใยอนาคตด้วย
