‘ไทย-ศรีลังกา’ ลงนามเปิดการค้าเสรี-เอ็มโอยูเดินอากาศ-พัฒนาอัญมณี

4 ก.พ. 2567 - 05:10

  • ‘ไทย-ศรีลังกา’ มุ่งมั่นพัฒนาความสัมพันธ์ใกล้ชิด

  • ยกระดับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและความเชื่อมโยง

  • ผ่าน FTA ไทย-ศรีลังกา, MOU การเดินอากาศ และการพัฒนาอัญมณี

Thailand_Sri_Lanka_signs_3_agreements_SPACEBAR_Hero_023f8da733.jpg

แม้จะใช้เวลาสั้นๆ เพียง 2 วัน แต่การเดินทางเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา อย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 3 - 4 กุมภาพันธ์ 2567 ของ ‘เศรษฐา ทวีสิน’ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตามคำเชิญของ ‘รานิล วิกรมสิงเห’ (H.E. Mr. Ranil Wickremesinghe) ประธานาธิบดีศรีลังกา ก็น่าสนใจไม่น้อย โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวพันกับด้านเศรษฐกิจ-การค้า เนื่องด้วยทั้งสองฝ่ายได้มีการลงนามความตกลง 3 ฉบับ ได้แก่

Thailand_Sri_Lanka_signs_3_agreements_SPACEBAR_Photo01_e4c20dbe07.jpg

1) ความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-ศรีลังกา โดยมี ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย และ กัจจกธุเค นลิน รุวันชีวะ เฟอร์นานโด (Hon. Kachchakaduge Nalin Ruwanjeewa Fernando) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ การค้า และความมั่นคงทางอาหาร เป็นผู้ลงนามฝ่ายศรีลังกา

Thailand_Sri_Lanka_signs_3_agreements_SPACEBAR_Photo02_e145d488e0.jpg

2) ร่างความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศ ฉบับใหม่ ระหว่างไทยและศรีลังกา ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อแทนที่และยกเลิกความตกลงฯ ฉบับที่ลงนามเมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2493 โดยจะลดอุปสรรคและอำนวยความสะดวกด้านการค้า การบริการทางอากาศระหว่างทั้งสองประเทศ สิทธิทางการบิน ความปลอดภัย ศุลกากร ฯลฯ ให้สอดคล้องกับมาตรฐานขององค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) 

โดยฝ่ายไทยมี จักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ลงนาม และ นิเลตตี นิมัล สิริปาละ เด ซิลวา (Hon. Niletthi Nimal Siripala De Silva) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่าเรือและการขนส่งทางทะเล เป็นผู้ลงนามฝ่ายศรีลังกา

Thailand_Sri_Lanka_signs_3_agreements_SPACEBAR_Photo03_34c143c867.jpg

3) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กับ The Gem and Jewellery Research and Training Institute of Sri Lanka เพื่อความร่วมมือด้านการพัฒนาอัญมณีและส่งเสริมการค้าระหว่างทั้งสองประเทศ ซึ่งไทยสามารถเข้าถึงแหล่งวัตถุดิบและแหล่งอัญมณี รวมทั้งการแลกเปลี่ยนและฝึกอบรมบุคลการที่เกี่ยวข้องของทั้งสองฝ่าย 

โดยมี สุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย และ บี. จี. อาร์. ดับเบิลยู. กัมลัต (Mr. B. G. R. W. Gamlath) ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและฝึกอบรมอัญมณีและเครื่องประดับแห่งศรีลังกา เป็นผู้ลงนามฝ่ายศรีลังกา

Thailand_Sri_Lanka_signs_3_agreements_SPACEBAR_Photo04_5bd29b2674.jpg

ในการแถลงข่าวร่วมกัน นายกรัฐมนตรีไทย ชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ ‘ไทย-ศรีลังกา’ อันแน่นแฟ้นและใกล้ชิดในทุกระดับ ซึ่งมีรากฐานความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่มีร่วมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านพระพุทธศาสนา 

ทั้งสองฝ่ายเน้นย้ำถึงศักยภาพมหาศาลระหว่างกัน โดยไทย เชื่อว่าการลงนาม FTA จะกระตุ้นการค้าและการลงทุนให้มากขึ้น และการลงนาม MOU อีก 2 ฉบับ ทั้งด้านการบินและการพัฒนาอัญมณี จะช่วยส่งเสริมความเชื่อมโยง การท่องเที่ยว และการขนส่ง ในอนาคต ส่วนการประชุม Sri Lanka - Thailand Business Forum ยังเป็นการเวทีในการสร้างโอกาสทางธุรกิจที่จะตามมาอีกมากให้กับภาคเอกชนของทั้งสองฝ่าย ซึ่งผู้นำไทยและศรีลังกา ต่างสนับสนุนให้ภาคเอกชนขยายการค้าและการลงทุนระหว่างกันให้มากขึ้นในอนาคต 

ด้านการลงทุน ไทยมีเป้าหมายที่จะเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยโครงการ Landbridge ซึ่งเชื่อมโยงทะเลอันดามันกับอ่าวไทย และลดระยะเวลาการขนส่งระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดีย โดยไทยและศรีลังกา สามารถร่วมมือกันในการเสริมสร้างความเชื่อมโยง และโครงสร้างพื้นฐาน ผ่านโครงการ Landbridge ของไทย และท่าเรือโคลัมโบ ของศรีลังกา 

ด้านการท่องเที่ยว ไทยยินดีที่การบินไทยจะกลับมาให้บริการเที่ยวบินเชิงพาณิชย์ระหว่างกรุงเทพฯ และโคลัมโบ ทุกวัน ตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2567 ซึ่งจะทำให้ทั้งสองประเทศใกล้ชิดกันมากขึ้นกว่าเดิม 

นอกจากนี้ ไทยยังเสนอความร่วมมือไตรภาคีเกี่ยวกับการท่องเที่ยวทางเรือสามประเทศ ระหว่างอินเดีย ศรีลังกา และไทย รวมทั้งการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและพุทธศาสนาระหว่างกัน 

ด้านการพัฒนา ไทยสนับสนุนการสร้างขีดความสามารถ และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของศรีลังกา โดยเฉพาะในภาคเกษตรกรรมและการประมง และยินดีที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับความสำเร็จของการแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญในด้านการเพาะเลี้ยงปลาการ์ตูน และโครงการในด้านสวัสดิภาพและถิ่นที่อยู่ของช้างระหว่างกัน 

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวชื่นชมการอำนวยความสะดวกของศรีลังกาในการส่งพลายศักดิ์สุรินทร์ กลับประเทศ เพื่อรับการรักษาพยาบาลเมื่อปีที่แล้ว และขอบคุณการดูแลช้างไทยอีกสองเชือก ซึ่งช้างนับเป็นสัญลักษณ์ของมิตรภาพและความสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่างไทย-ศรีลังกา

Thailand_Sri_Lanka_signs_3_agreements_SPACEBAR_Photo05_8c44f84e6c.jpg

นายกรัฐมนตรี เห็นว่า ควรหารือร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อผลักดันการจัดทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) เกี่ยวกับการยกเว้นวีซ่าระหว่างกัน ซึ่งจะมีส่วนสำคัญกระตุ้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนการท่องเที่ยวระหว่างกันมากขึ้น

ผู้นำไทยและศรีลังกา ยังตั้งเป้าที่จะเพิ่มมูลค่าและการรรลุเป้าหมายร่วมกัน ไม่เพียงแต่ในระดับทวิภาคีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงในเวทีพหุภาคี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวที BIMSTEC สมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย (Indian Ocean Rim Association: IORA) และอาเซียน เพื่อเสริมสร้างความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ ซึ่งไทยในฐานะเจ้าภาพการประชุมสุดยอด BIMSTEC ครั้งที่ 6 ในปีนี้ ยินดีส่งเสริมการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันและสร้างสรรค์จากฝ่ายศรีลังกา  

นอกจากนี้ ไทยในฐานะเป็นผู้สมัครของอาเซียน ในการเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (Human Rights Council: HRC) สำหรับวาระปี 2568 - 2570 พร้อมทำงานร่วมกับศรีลังกา อย่างสร้างสรรค์เพื่อส่งเสริมสิทธิมนุษยชนระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์