มรสุม ‘ผืนฟ้า’ เดียวกัน! ‘จันทร์’ส่องหล้า VS ‘ดาว’ล้อมเดือน

12 ม.ค. 2567 - 10:09

  • มรสุมผืนฟ้าเดียวกัน! จาก ‘บ้านจันทร์ส่องหล้า’ ฐานที่มั่นในอดีตของ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ถึง ‘บ้านดาวล้อมเดือน’ เซฟต์เฮ้าส์ของ ‘เฉลิมชัย ศรีอ่อน’ กับช่วงจังหวะทั้งคู่เผชิญ ‘มรสุมการเมือง’ พร้อมกัน

Thaksin-Chalermchai-Life-Crisis2-SPACEBAR-Hero.jpg

ความเคลื่อนไหวของ ‘ประชาธิปัตย์’ ในกรณี ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ที่พักรักษาตัว รพ.ตำรวจ ครบ 120 วัน โดยโยงกับงบกระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ และงานด้านกระบวนการยุติธรรม ประเดิมผ่านการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 67 วาระแรก ทำให้ สส.เพื่อไทย ประท้วงทันควันกลางสภาฯ เรียกได้ว่าเป็น ‘ชื่อต้องห้าม’ 

นอกจากนี้ กมธ.ตำรวจ นำโดย ‘ชัยชนะ เดชเดโช’ ประธาน กมธ.ตำรวจ ที่มีอีกตำแหน่งเป็น ‘รองหัวหน้า ปชป.’ ซึ่งที่เป็นที่น่าสนใจว่า ‘ชัยชนะ’ ก็ไม่ได้อภิปรายเรื่อง ‘ทักษิณ’ แทรกในการอภิปรายงบฯ หากเทียบกับ ปชป. คนอื่น เช่น ‘จุรินทร์ ลักษณะวิศิษฎ์’ เป็นต้น ส่วนทางกับท่าที ‘ชัยชนะ’ ก่อนหน้านี้ ที่ ‘ขึงขัง’ ในการทำหน้าที่ของ กมธ.ตำรวจ 

เป็นที่รู้กันว่า ภายใน ปชป. แตกเป็น 2 ขั้ว ระหว่าง ‘ขั้วอำนาจเดิม’ กับ ‘ขั้วอำนาจใหม่’

ซึ่งขั้วอำนาจใหม่ก็คือ ‘ขั้วเฉลิมชัย’ ที่เป็น สส.สายใต้ เป็นที่รู้กันใน ปชป. ว่า ‘เฉลิมชัย ศรีอ่อน’ เปรียบเป็น ‘พี่คนโต’ ส่วน ‘เดชอิศม์ ขาวทอง’ เปรียบเป็น ‘พี่คนรอง’ โดยมี ‘ชัยชนะ’ เป็นน้องคนเล็ก แห่ง ‘บ้านดาวล้อมเดือน’ ที่เป็นเซฟต์เฮ้าส์ของ ‘เฉลิมชัย’ ริมถนนราชพฤกษ์ ย่านตลิ่งชัน

ทว่าเมื่อ ‘เปิดวอร์’ แล้ว ก็ต้องลุยต่อ กมธ.ตำรวจ นำโดย ‘ชัยชนะ’ เดินทางไป รพ.ตำรวจ ตามนัดหมาย 12 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยได้ขึ้นไปชั้น 14 ที่ ‘ทักษิณ’ พักรักษาตัว โดย ‘ชัยชนะ’ ไม่ได้พบกับ ‘ทักษิณ’ โดยเปิดเผยว่า กรมราชทัณฑ์ ชี้แจงว่าเป็น พ.ร.บ.ส่วนบุคคลของผู้ต้องหา ที่มีสิทธิให้ใครเยี่ยมหรือห้ามเยี่ยม ซึ่งทาง กมธ.ตำรวจ ไม่ได้มาขอเยี่ยมใครคนใดคนหนึ่ง แต่มาดูขั้นตอนปฏิบัติว่าเท่าเทียมกันหรือไม่ ขณะที่วิธีการรักษา กมธ.ตำรวจ ไม่สามารถบอกได้ เพราะมีกฎหมายควบคุม ส่วน ‘ทักษิณ’ ป่วยเป็นโรคอะไร ทาง รพ.ตำรวจ ได้ชี้แจงไปแล้ว จึงไม่ทราบว่าการป่วยของ ‘ทักษิณ’ หนักแค่ไหน

ทั้งนี้ ‘ชัยชนะ’ เปิดเผยอีกว่า ที่ รพ.ตำรวจ มีเพียง ‘ทักษิณ’ ที่เป็น ‘ผู้ต้องขัง’ พักรักษาตัวค้างคืนคนเดียว ส่วนผู้ต้องขังคนอื่นๆ เป็นการไปเช้าเย็นกลับ ส่วนการขึ้นไปชั้น 14 ที่ ‘ทักษิณ’ พักรักษาตัว มีเจ้าหน้ากรมราชทัณฑ์ 2 นาย ปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ สน.ปทุมวัน 3 นาย ตำรวจสันติบาล 3 นาย รวม 8 นาย หลังจากที่เห็นเจ้าหน้าที่ทั้ง 8 นายแล้ว ได้ลงมาชั้น 7 เพื่อมาตรวจสอบขั้นตอนการปฏิบัติกับผู้ต้องขังที่เป็นผู้ป่วยว่ามีขั้นตอนอย่างไร โดยมีผู้ป่วย 2 รายเข้ารับการรักษา และมีเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์คอยควบคุม 2 นาย

‘ชัยชนะ’ ระบุอีกว่า การปฏิบัติของกรมราชทัณฑ์กับผู้ที่มารักษาตัวมีความเท่าเทียมกัน โดยมีการผลักเวรกันทุก 24ชั่วโมง และต้องถ่ายภาพเพื่อรายงานผู้บังคับบัญชาทุก 2 ชั่วโมง และในห้องที่มีผู้ต้องขังที่เป็นผู้ป่วยไม่มีการล็อค เพื่อให้ผู้คุมได้เดินเข้า-ออกได้ตลอดเวลา 

‘ชัยชนะ’ กล่าวยอมรับว่า ไม่สามารถตอบได้ว่า ‘ทักษิณ’ รักษาตัวชั้น14 หรือไม่ เพราะไม่ได้เห็นเอง ต้องไปถามกรมราชทัณฑ์ และเห็นแต่เจ้าหน้าที่เท่านั้น ส่วนภาพการรักษา ‘ทักษิณ’ ทาง รพ.ตำรวจ ไม่สามารถเปิดเผยกับ กมธ.ตำรวจ ได้ เพราะเป็นข้อมูลส่วนบุคคล

ผมขอเรียนว่านายทักษิณไม่ได้ผิดอะไร แต่ถ้ากรมราชทัณฑ์ต้องการเป็นจำเลยของสังคมนี้ กรมราชทัณฑ์ก็ต้องชี้แจงกับสังคมให้เข้าใจ คุณจำผมไว้เลย จำเลยของสังคมก็คือกรมราชทัณฑ์ ส่วนโรงพยาบาลตำรวจสิ่งที่ทำวันนี้ถูกต้องที่สุด” ชัยชนะ กล่าว

พร้อมกับทวงถามเอกสาร 3 รายการที่ กมธ.ตำรวจ ขอ ‘กรมราชทัณฑ์’ ได้แก่ 1.ผู้คุมคนใดที่มาเข้าเวรที่นี่ มีการลงชื่อผลัดเปลี่ยนเวร 

2.ค่ารักษาพยาบาลที่แจ้งว่าใช้สิทธิของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ถ้าเกินสิทธิ สามารถใช้เงินส่วนตัวได้ ใช้ระเบียบข้อใด

3.ใบสำเนาข้อมูลการส่งออกรักษาภายนอก (รท.101) หรือใบส่งตัว รวมถึงการกรอกประวัติก่อนเข้าเรือนจำได้ทำหรือไม่ 

โดย ‘ชัยชนะ’ ระบุว่า ในสัดส่วนของ รพ.ตำรวจ ทาง กมธ.ตำรวจ ได้ทำครบถ้วนกระบวนความแล้ว

ย้อนไปที่สถานการณ์ ‘ลูกพี่ใหญ่’ อย่าง ‘เฉลิมชัย ศรีอ่อน’ กำลังเจอ ‘มรสุมการเมือง’ จนต้องออกมาเคลียร์ผ่านสื่อ หลังโดนโยงพาดพิงกับ ‘เฮียก้าว’หลี่ เซิ่งเจียว นายกสมาคมการค้าแลกเปลี่ยนเศรษฐกิจไทยเอเชีย ภายหลังพนักงานสอบสวน ดีเอสไอ แถลงข่าวออกหมายจับ ‘เฮียก้าว’ ในคดีหมูเถื่อน เมื่อ 11 ม.ค.ที่ผ่านมา 

โดย ‘เฉลิมชัย’ ออกมายืนยันว่า ‘เฮียก้าว’ ไม่ใช่น้องคนละแม่กับตนเอง ตามที่มีกระแสข่าวออกมา เพราะบิดาของตนเองอยู่ในไทยมานาน 80 กว่าปีแล้ว โดยหลังจากที่บิดาของตนมาอยู่เมืองไทยแล้ว ก็ไม่เคยกลับไปประเทศจีนอีกเลย แล้วเขาจะไปมีลูกที่จีนได้อย่างไร

“ผมไม่รู้จักบ้านของนายหลี่ รวมถึงไม่เคยไปบ้านและที่ทำงานของเขาด้วย ส่วนที่เคยเจอกันในงานนั้น ก็เป็นเพราะผมได้รับเชิญให้ไปร่วมงานในโรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งมีนักธุรกิจและข้าราชการมาร่วมงานจำนวนมาก และมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ที่เราจะรู้ได้ทั้งหมดว่าใครทำอะไร อย่างไรบ้าง” เฉลิมชัย ชี้แจง

ส่วนกรณีบุตรชายของ ‘เฮียก้าว’ คือ ‘กรินทร์ ปิยพรไพบูลย์’ ซึ่งเป็นนามสกุลเดียวกับ ‘วิรัช ปิยพรไพบูลย์’ ที่เป็นพี่ชายของ ‘เฉลิมชัย’ และ ‘จักพันธ์ ปิยพรไพบูลย์’ สส.ประจวบคีรีขันธุ์ พรรคประชาธิปัตย์ ที่เป็นหลานชายของ ‘เฉลิมชัย’ นั้น ‘เฉลิมชัย’ ชี้แจงว่า “ผมรู้แค่ว่าเป็นการมาขอใช้นามสกุล แต่ไม่ทราบรายละเอียดเรื่องนี้”

“ใครผิดก็ว่าไปตามผิด ถ้าคนทำผิด เป็นญาติหรือคนสนิทของผม เขาก็ต้องรับโทษ ผมไม่ปกป้องอยู่แล้ว ขอให้เอาความจริงมาพูดกัน อย่าเอาประเด็นทางการเมืองมาโยง มันไม่มีประโยชน์” เฉลิมชัย กล่าว

เปรียบเป็น ‘มรสุมการเมือง’ ของคน 2 บ้าน ระหว่าง ‘บ้านจันทร์ส่องหล้า’ กับ ‘บ้านดาวล้อมเดือน’ ในช่วงส่งท้ายสัปดาห์นี้

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์