ที่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ช่วงท้ายของการจัดกิจกรรม รวมพลแสดงพลัง สนับสนุนให้ ป.ป.ช. ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐ ปมเอื้อประโยชน์ให้ ทักษิณ ชินวัตร รักษาตัวชั้น 14
จตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน และอดีตแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ที่เดินทางมารวมทำกิจกรรมวันนี้ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อ ถึงบทบาทของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในการเป็นผู้ช่วยหาเสียงผู้สมัครนายก อบจ.ของพรรคเพื่อไทย ในพื้นที่ต่างๆ โดยมองว่า เป็นสิ่งที่เห็นอยู่แล้วว่าเป็นการเดินเกมอย่างไม่ตรงไปตรงมา
พร้อมยกคำพูดของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ที่บอกว่าได้พา สจ.โต้ง ชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ และ สจ.จอย ณภาภัช อัญชสาณิชมน ภรรยาของ สจ.โต้ง เข้าพบทักษิณก่อนที่ สจ.โต้ง เสียชีวิตไม่กี่วัน มาชี้ให้เห็นว่า ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่า สนามเดิมเป็นของ สุนทร วิลาวัลย์ นายก อบจ.ปราจีนบุรี ซึ่งอยู่พรรคภูมิใจไทย และมีความสัมพันธ์เป็นพ่อบุญธรรมของ สจ.โต้ง เรื่องที่เกิดขึ้นจึงนำไปสู่ความสูญเสียอย่างที่ไม่ควรจะเป็น
และเป็นการชัดเจนว่า การเมืองท้องถิ่นวันนี้รุกกันแบบตีท้ายครัว ซึ่งจะนำไปสู่ความเสียหาย มองว่าหลายพื้นที่กำลังเดินเกมไปในลักษณะนี้เช่นกัน แม้ที่ผ่านมาการเมืองท้องถิ่นจะพัฒนามาระดับหนึ่งแล้ว แต่ตอนนี้กลับไปสู่จุดเดิม คือเรื่องการใช้ความรุนแรง ที่สำคัญนโยบายปราบผู้มีอิทธิพล คือ นโยบายต้อนเข้าคอก เพราะบ้านใหญ่มีเจ้าของเดิม ถ้าจะย้ายค่ายต้องถูกกดดัน
ย้ำว่า สิ่งที่เกิดขึ้นจะยิ่งสร้างปัญหา และปัญหาทั้งหมดมาจากพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน ยิ่งทักษิณเดินเกมมากเท่าไหร่ ความวุ่นวายในระดับต่างๆ ตั้งแต่ท้องถิ่นถึงระดับชาติ รวมถึงยังมีเรื่องระหว่างประเทศไปด้วยจะยิ่งสร้างความเสียหาย เช่น การไปเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่ในประเทศไทยทักษิณยังมีคดีทุจริต รวมถึงคดี ม.112 ติดตัว
ดังนั้น ความหมายรัฐบุรุษในสายตาของคนไทย กับสายตาของนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เป็นคนละเรื่องกัน แต่ที่สำคัญคือ ศาลอาญายังไม่เคยอนุญาตให้ทักษิณเดินทางออกนอกประเทศ ในคดี ม.112
“ปัญหา คือ หลังจากเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของอันวาร์ หลังจาก 3 ม.ค. 68 ไปแล้ว จะมีการขออนุญาตออกนอกประเทศด้วยเหตุผลนี้หรือไม่ เพราะเคยขออนุญาตแล้ว และศาลเคยอนุญาต และหลบหนีมา 17 ปี เรื่องนี้ต้องติดตามกันต่อไป เพราะอันวาร์มาภูเก็ต ก่อนยุคเศรษฐาก็เจอ ทักษิณระหว่างพักโทษก็เจอ อันนี้ก็เป็นการเมือง ไมใช่สายสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งอะไร เป็นเพียงน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ใช่เรื่องของประเทศชาติ”
จตุพร กล่าว
ส่วนประเด็นที่ ศาลรัฐธรรมนูญ ไม่รับคำร้อง ของ คงเดชา ชัยรัตน์ ปมกล่าวหา รมว.ยุติธรรม และกรมราชทัณฑ์ เอื้อประโยชน์ให้ทักษิณว่า เป็นลักษณะเดียวกันกับที่ ธีรยุทธ สุวรรณเกษร เคยยื่นร้องก่อนหน้านี้ ศาลรัฐธรรมนูญจึงไม่รับคำร้อง แต่เป็นคนละประเด็นกับที่ กสม. ยื่นร้องมาที่ ป.ป.ช.
ส่วนการที่ ทักษิณพูดบนเวทีสัมมนาพรรคเพื่อไทยถึงพรรคร่วมรัฐบาล เป็นการส่งสัญญาณอะไรหรือไม่ จตุพร ระบุว่า หากใครที่รู้จักทักษิณ วันที่ไปขึ้นเวทีปราศรัยที่จังหวัดอุดรธานี และมีการพูดพาดพิง ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เรื่องของการรื้อโครงสร้าง วันนั้นเป็นการรอผลจากศาลรัฐธรรมนูญ
และวันที่ไปพูดในงานสัมมนาพรรคเพื่อไทย ที่หัวหิน ก็เป็นการรอผลจาก ป.ป.ช. เช่นกัน พร้อมย้อนถามว่า การพูดคำรามมันเคยได้ผลหรือไม่ ซึ่งปัญหาคือพรรคร่วมเองก็มีเกียรติมีศักดิ์ศรีเฉพาะตัว ซึ่งทุกคนเขารู้ว่าไม่ใช่ลูกไล่ของทักษิณ แต่ผลที่ออกมาชัดเจนว่า การที่ทักษิณออกมาคำรามกับพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ได้ผลอย่างแน่นอน
“ไม่ได้ผลไง ตอนไปอุดรฯ ก็รอผลศาลรัฐธรรมนูญ ไปหัวหินก็รอ ป.ป.ช. แล้วผลลัพธ์ ป.ป.ช. ก็เอกฉันท์ตั้งคณะไต่สวน ถ้าวันนั้น ป.ป.ช. ยกก็จบเลย เพราะฉะนั้นนี่คือบ่วงบาศ กรณีชั้น 14 ”
จตุพร กล่าว
จตุพร ย้ำว่า เหตุผลที่ต้องมาให้กำลังใจ ป.ป.ช. วันนี้ เพราะยังมีกระบวนการถัดไปที่ต้องดำเนินการต่อ ปัญหาคือแม้กรอบเวลาจะให้ 2 ปี แต่เรื่องนี้ไม่ได้ซับซ้อนหากทำจริงๆ เชื่อว่า 2-3 เดือนก็เสร็จ