เรียกว่าเป็น ‘ระเบิดเวลา’ ของ ‘เพื่อไทย’ สำหรับคดีตากใบ ที่เปรียบเป็น ‘แผลเก่า’ ตั้งแต่ยุครัฐบาลทักษิณ ที่จะหมดอายุความ 20 ปี 25 ต.ค.นี้ ที่ถูกเกี่ยวกับพรรค เพราะมีชื่อ ‘บิ๊กอ๊อด’พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะอดีต ‘แม่ทัพภาคที่ 4’ ในเหตุการณ์ตากใบ ทำให้เกิด ‘แรงเสียดทาน’ ไปถึงพรรค จะตัดสินอนาคต พล.อ.พิศาล อย่างไร
เป็นระยะเวลาแรมเดือนที่ ‘เพื่อไทย’ พยายามปัด ‘พ้นตัว’ กรณี พล.อ.พิศาล ให้ ‘แยกคน-แยกพรรค’ ออกจากกัน แต่สิ่งที่ทำให้ถูกวิจารณ์หนัก คือ ‘ความพยายาม-ความจริงใจ’ ที่พรรคมีต่อกรณีดังกล่าว ในการนำตัว พล.อ.พิศาล มาขึ้นศาลสู้คดี ก่อนหมดอายุความ แต่กลับอ้าง ‘เอกสิทธิ์ สส.’ ในการได้รับ ‘ความคุ้มครอง’ ในสมัยประชุม
จนกระทั่งมีรายงานว่า พล.อ.พิศาล ได้ ‘ลาประชุมสภาฯ’ ตั้งแต่ 26ส.ค.-30ต.ค.67เพื่อไปรักษาตัวต่างประเทศ โดยผู้อนุมัติคือ ‘พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน’ รองประธานสภาฯ ที่เป็น สส.เพื่อไทย นั่นเอง ยิ่งทำให้ ‘เพื่อไทย’ หลีกหนี ‘ครหา’ ไม่ได้ยิ่งขึ้น
จนทำให้ พล.อ.พิศาล ชิงลาออกจาก สมาชิก ‘พรรคเพื่อไทย’ ส่งผลให้ขาดสมาชิกภาพ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ลงวันที่ 14ต.ค.67 พร้อมชี้แจงว่า อยู่ระหว่างการรักษาอาการป่วย-พักฟื้น ซึ่งได้ยื่นใบลาต่อสภาผู้แทนราษฎร และได้รับอนุมัติแล้ว แต่พบว่ามีการนำประเด็นไปเคลื่อนไหวในสังคมทำให้เกิดความขัดแย้งและผูกโยงมีผลต่อพรรคเพื่อไทย ทั้งที่พรรคไม่ได้เกี่ยวข้อง
ที่เรียกว่าเป็นการ ‘ชิงลาออก’ เพราะจากเดิมในวันที่ 15ต.ค.นี้ จะมีการประชุมพรรคเพื่อไทย ประจำสัปดาห์ ที่คณะกรรมการบริหารพรรคจะหารือว่าจะดำเนินการกับ พล.อ.พิศาล อย่างไร ใน 2 แนวทาง คือ ขับออกจากพรรค และให้ลาออกจากสมาชิกพรรคด้วยตัวเอง
สำหรับ พล.อ.พิศาล เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่เป็น ‘ทหาร’ เพียงคนเดียว เคยเป็นแคนดิเดต รมว.กลาโหม ในยุครัฐบาลเศรษฐา-แพทองธาร แต่มีคดีตากใบเป็น ‘ชนักติดหลัง’ ทำให้ชื่อหลุดไป
พล.อ.พิศาล เป็นอดีตแม่ทัพภาคที่ 4 จบ ตท.9 - จปร.20 รุ่นเดียวกับ พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ อดีต ปธ.ที่ปรึกษากองทัพบก พล.อ.สุรพันธ์ พุ่มแก้ว อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทบ. เป็นต้น ในฝั่งตำรวจที่จบ ตท.9 คือ ‘บิ๊กป๊อด’พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. น้องชาย ‘บิ๊กป้อม’พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ช่วงชีวิตที่ พล.อ.พิศาล เรียน ‘เตรียมทหาร’ จึงได้พบกับ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ในฐานะรุ่นพี่ ตท.9 และเป็น ‘นายทหารปกครอง’ ของรุ่นน้อง ตท.10 (รุ่นทักษิณ)
ย้อนกลับไป พล.อ.พิศาล เริ่มต้นชีวิตราชการที่ ร.1 พัน.2 รอ. ก่อนลงไปอยู่ภาคใต้ ตั้งแต่เหตุการณ์ปราบกบฏ 26 มี.ค. 2520 อดีตผู้บังคับกองพันที่ 4 กรมทหารราบที่ 5, รองเสนาธิการกองพลทหารราบที่ 5 , รองผู้บังคับจังหวัดทหารบก จ.สุราษฎร์ธานี , ฝ่ายเสนาธิการประจําปลัดกระทรวงกลาโหม , ผู้ช่วยคณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการ ขึ้นตรงกับ บิ๊กตุ้ย-พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ผบ.ทบ. ในขณะนั้น (ลูกพี่ลูกน้องทักษิณ) ก่อนขยับเป็น ‘แม่ทัพภาคที่ 4’ เกิดเหตุการณ์ที่ตากใบ ซึ่งในขณะนั้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็น ผบ.ทบ. ยุครัฐบาลทักษิณ ชินวัตร
แต่ชีวิตราชการ พล.อ.พิศาล ต้องพลิกผันจากเหตุการณ์ตากใบ โดนเด้ง ‘เข้ากรุ’ ไม่ได้คุมกำลัง ช่วยราชการที่ บก.ทบ. จากนั้นไปเป็นผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ประจำสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม อัตรา ‘พลเอก’ ก่อนเกษียณฯ
แต่สิ่งที่จะเป็น ‘ระเบิดเวลา’ อีก 10 วันข้างหน้า ที่คดีจะหมดอายุความ 25ต.ค.67 คือ พล.อ.พิศาล จะกลับมาขึ้นศาลสู้คดีหรือไม่ แม้ทางรัฐบาลจะให้องค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ หรือ ตำรวจสากล (อินเตอร์โพล) ดำเนินการออก ‘หมายแดง’ เพื่อจับกุมตัว แต่ก็เป็นลักษณะ ‘โยนพ้นตัว’ และหาก ‘คดีหมดอายุความ’ ไปแล้วนั้น ‘เพื่อไทย’ จะตอบ ‘คำถามสังคม’ อย่างไร อีกทั้งการแก้ปัญหา จ.ชายแดนภาคใต้ ในยุครัฐบาลเพื่อไทยจะเป็นอย่างไรต่อไป
ระวังจะเป็น ‘น้ำผึ้งหยดเดียว’ !!