



‘แพทองธาร ชินวัตร’ หรือ ‘อุ๊งอิ๊ง’ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ในฐานะลูกสาวของ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ระหว่างเดินทางเข้ามาปฎิบัติหน้าที่ที่พรรคเพื่อไทย ถึงกระแสข่าวที่ ‘ครอบครัวชินวัตร’ อยากให้ ‘ทักษิณ’ ชะลอการเดินทางกลับบ้านออกไปก่อน จากเดิมที่เคยเปรยไว้ว่าจะกลับไทยในช่วงวันที่ 21 กรกฎาคมนี้ เพราะกว่าว่าจะถูกหลอกและอยากให้ดูสถานการณ์การเมืองก่อน
‘แพทองธาร’ ยืนยันว่า ครอบครัวไม่ได้เบรกพ่อเรื่องกลับบ้านอย่างที่เป็นข่าว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความห่วงใยของคุณแม่ (คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์) เท่านั้น เราพูดแค่ว่าเป็นห่วง เพราะพ่อเป็นเสาหลักของครอบครัวที่ห่างกันมา 17 ปี แม่จึงเป็นห่วงทุกเรื่อง รวมถึงเรื่องของเธอด้วย พร้อมชี้ให้เห็นว่าหากเป็นเรื่องจริงจังคงไม่นำเรื่องนี้ไปพูดกันนอกบ้าน และครอบครัวคุยกันเสมอว่าตัดสินใจให้ดี มันคือความเป็นห่วงของคนในครอบครัวไม่ใช่การเบรกว่าอย่ากลับมานะ ตอนนี้ยังกลับไม่ได้
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ากลัว ‘ทักษิณ’ ถูกหลอก ‘แพทองธาร’ อธิบายว่า คำว่าถูกหลอกมันคือตลอดเวลาที่พ่อไม่อยู่ ประเทศไทยมา 17 ปี มันต้องมีข้อมูลข่าวสารที่ได้รับถูกบ้างผิดบ้าง นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลา 17 ปี เราไม่ได้คิดว่าใครจะมาหลอกเราเป็นพิเศษ นั่นคือสิ่งที่ครอบครัวบอกว่าให้ดูข้อมูลให้ดีว่าจะทำอย่างไร มันเป็นการห่วงใย และเป็นการเตือนสติกันมากกว่า เป็นสิ่งที่เตือนกันได้ไม่ใช่ว่ามีใครจะหลอกหรืออะไร
เมื่อถามว่าสถานการณ์ตอนนี้อยากให้ ‘ทักษิณ’ กลับมาหรือไม่ ‘แพทองธาร’ ยอมรับว่าอยากให้กลับอยู่แล้ว แต่อยากให้พ่อตัดสินใจเองว่าจะกลับมาตอนไหนและอย่างไร ซึ่งส่วนตัวมองว่าพ่อออกไปนานแล้ว มีความตั้งใจอยากกลับบ้านหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นช่วงแรก ช่วงกลาง หรือช่วง 1-2 ปีที่กลับมา ย้ำว่าพ่ออยากกลับมาก อยากกลับมาเลี้ยงหลาน ยิ่งตอนนี้มีหลานคนที่ 7 ยิ่งอยากลับบ้าน
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ‘ทักษิณ’ รับฟังหรือไม่ ‘แพทองธาร’ ตอบทันทีว่า รับฟัง เพราะเราฟังกันแล้วในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นระหว่างพี่น้อง พ่อแม่ หรืออะไรก็ตามเราฟังกัน แต่สุดท้ายการตัดสินใจก็เป็นเรื่องของคนนั้น เราเป็นอย่างนี้กันอยู่แล้ว
ส่วน ‘ทักษิณ’ จะกลับมาช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ เหมือนเดิมหรือไม่ ‘แพทองธาร’ ย้ำว่าที่คุยกันล่าสุดคืออย่างนั้น ซึ่งพ่อดูสถานการณ์การเมืองอยู่แล้ว พ่อไม่อยากกลับมาแล้ววุ่นวาย เพราะแน่นอนว่าพ่อมีความสำคัญทางการเมือง เพราะฉะนั้นถ้าจะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนกำหนดการเรื่องกลับบ้าน ต้องดูความเหมาะสมทางการเมืองต่างๆด้วย และตอนนี้ยังไม่เลื่อนวันกลับ และในขอคิดแทนว่าคงต้องดูสถานการณ์ก่อน เพราะพ่อยังไม่ได้พูดเรื่องนี้กับเธอด้วย
นอกจากนี้ ‘แพทองธาร’ ยังชี้แจงว่าครอบครัวไม่ได้เบรกให้เธอรับตำแหน่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เป็นเพียงความห่วงใยของแม่ที่มีให้เธอในฐานะลูกสาวคนเล็ก เมื่อถามว่าหากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองกับ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ ไม่สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ เธอจะพร้อมเป็นนายกฯ หรือไม่ ‘แพทองธาร’ ตอบว่าถ้าเธอไม่พร้อม คงไม่ก้าวเข้ามาตรงนี้ เพราะถ้าเราไม่พร้อม เราต้องบอกคนในพรรคว่าไม่พร้อม
เมื่อถามว่าการที่ คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ สื่อสารแบบนี้อาจะเป็นการมองข้ามช็อตที่ เพราะเกรงว่าจะมีอุบัติเหตุทางการเมืองกับ ‘พิธา’ ประเด็นนี้ ‘แพทองธาร’ ยิ้ม ก่อนตอบว่า สิ่งที่แม่คิดตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง ถ้าพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งเป็นพรรคลำดับที่ 1 ไม่ว่าเธอ หรือ ‘เศรษฐา ทวีสิน’ หรือ ‘ชัยเกษม นิติสิริ’ ก็มีสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นแคนดิเดตนายกฯ เช่นกัน แม่คงคิดถึงตอนนั้นว่ายังจะเป็นแบบนี้อยู่หรือไม่ว่า และคงเป็นห่วง ย้ำว่าเธอพูดด้วยความสัตย์จริงว่ามันเป็นแค่มุมมองของแม่
อีกประเด็นที่ถูกถามถึง คือ เรื่องโผครม. ที่มีการแชร์กันในโชเชียล ‘แพทองธาร’ ยืนยันว่ายังไม่ได้คุยกันในเรื่องนี้ พร้อมชี้แจงเรื่องดีลลับที่พรรคเพื่อไทยจะพลิกขั้วว่า ไม่เป็นความจริง และไม่อยากพูดถึงกรณีสมมติที่อาจเกิดขึ้นเรื่องหุ้นไอทีวีของ ‘พิธา’ ที่อาจจะทำให้ไม่ไปถึงฝันของการเป็นนายกฯ นอกจากนี้ ‘แพทองธาร’ ยังขอบคุณพรรคก้าวไกล ที่นำนโยบาย SME และนโบายบางอย่างของพรรคไทยรักไทย ในยุคของ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ และ ‘ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ เป็นนายกรัฐมนตรี กลับมาใช้ ถึงวันนี้จะไม่ได้เป็นพรรคอันดับ 1 แต่หลายนโยบายถูกกลับนำมาใช้ ยอมรับรู้สึกดีใจมาก อยากเห็นความสำเร็จอีกครั้งในปัจจุบัน
‘แพทองธาร’ ยืนยันว่า ครอบครัวไม่ได้เบรกพ่อเรื่องกลับบ้านอย่างที่เป็นข่าว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความห่วงใยของคุณแม่ (คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์) เท่านั้น เราพูดแค่ว่าเป็นห่วง เพราะพ่อเป็นเสาหลักของครอบครัวที่ห่างกันมา 17 ปี แม่จึงเป็นห่วงทุกเรื่อง รวมถึงเรื่องของเธอด้วย พร้อมชี้ให้เห็นว่าหากเป็นเรื่องจริงจังคงไม่นำเรื่องนี้ไปพูดกันนอกบ้าน และครอบครัวคุยกันเสมอว่าตัดสินใจให้ดี มันคือความเป็นห่วงของคนในครอบครัวไม่ใช่การเบรกว่าอย่ากลับมานะ ตอนนี้ยังกลับไม่ได้
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ากลัว ‘ทักษิณ’ ถูกหลอก ‘แพทองธาร’ อธิบายว่า คำว่าถูกหลอกมันคือตลอดเวลาที่พ่อไม่อยู่ ประเทศไทยมา 17 ปี มันต้องมีข้อมูลข่าวสารที่ได้รับถูกบ้างผิดบ้าง นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลา 17 ปี เราไม่ได้คิดว่าใครจะมาหลอกเราเป็นพิเศษ นั่นคือสิ่งที่ครอบครัวบอกว่าให้ดูข้อมูลให้ดีว่าจะทำอย่างไร มันเป็นการห่วงใย และเป็นการเตือนสติกันมากกว่า เป็นสิ่งที่เตือนกันได้ไม่ใช่ว่ามีใครจะหลอกหรืออะไร
เมื่อถามว่าสถานการณ์ตอนนี้อยากให้ ‘ทักษิณ’ กลับมาหรือไม่ ‘แพทองธาร’ ยอมรับว่าอยากให้กลับอยู่แล้ว แต่อยากให้พ่อตัดสินใจเองว่าจะกลับมาตอนไหนและอย่างไร ซึ่งส่วนตัวมองว่าพ่อออกไปนานแล้ว มีความตั้งใจอยากกลับบ้านหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นช่วงแรก ช่วงกลาง หรือช่วง 1-2 ปีที่กลับมา ย้ำว่าพ่ออยากกลับมาก อยากกลับมาเลี้ยงหลาน ยิ่งตอนนี้มีหลานคนที่ 7 ยิ่งอยากลับบ้าน
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ‘ทักษิณ’ รับฟังหรือไม่ ‘แพทองธาร’ ตอบทันทีว่า รับฟัง เพราะเราฟังกันแล้วในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นระหว่างพี่น้อง พ่อแม่ หรืออะไรก็ตามเราฟังกัน แต่สุดท้ายการตัดสินใจก็เป็นเรื่องของคนนั้น เราเป็นอย่างนี้กันอยู่แล้ว
ส่วน ‘ทักษิณ’ จะกลับมาช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ เหมือนเดิมหรือไม่ ‘แพทองธาร’ ย้ำว่าที่คุยกันล่าสุดคืออย่างนั้น ซึ่งพ่อดูสถานการณ์การเมืองอยู่แล้ว พ่อไม่อยากกลับมาแล้ววุ่นวาย เพราะแน่นอนว่าพ่อมีความสำคัญทางการเมือง เพราะฉะนั้นถ้าจะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนกำหนดการเรื่องกลับบ้าน ต้องดูความเหมาะสมทางการเมืองต่างๆด้วย และตอนนี้ยังไม่เลื่อนวันกลับ และในขอคิดแทนว่าคงต้องดูสถานการณ์ก่อน เพราะพ่อยังไม่ได้พูดเรื่องนี้กับเธอด้วย
นอกจากนี้ ‘แพทองธาร’ ยังชี้แจงว่าครอบครัวไม่ได้เบรกให้เธอรับตำแหน่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เป็นเพียงความห่วงใยของแม่ที่มีให้เธอในฐานะลูกสาวคนเล็ก เมื่อถามว่าหากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองกับ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ ไม่สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ เธอจะพร้อมเป็นนายกฯ หรือไม่ ‘แพทองธาร’ ตอบว่าถ้าเธอไม่พร้อม คงไม่ก้าวเข้ามาตรงนี้ เพราะถ้าเราไม่พร้อม เราต้องบอกคนในพรรคว่าไม่พร้อม
เมื่อถามว่าการที่ คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ สื่อสารแบบนี้อาจะเป็นการมองข้ามช็อตที่ เพราะเกรงว่าจะมีอุบัติเหตุทางการเมืองกับ ‘พิธา’ ประเด็นนี้ ‘แพทองธาร’ ยิ้ม ก่อนตอบว่า สิ่งที่แม่คิดตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง ถ้าพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งเป็นพรรคลำดับที่ 1 ไม่ว่าเธอ หรือ ‘เศรษฐา ทวีสิน’ หรือ ‘ชัยเกษม นิติสิริ’ ก็มีสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นแคนดิเดตนายกฯ เช่นกัน แม่คงคิดถึงตอนนั้นว่ายังจะเป็นแบบนี้อยู่หรือไม่ว่า และคงเป็นห่วง ย้ำว่าเธอพูดด้วยความสัตย์จริงว่ามันเป็นแค่มุมมองของแม่
อีกประเด็นที่ถูกถามถึง คือ เรื่องโผครม. ที่มีการแชร์กันในโชเชียล ‘แพทองธาร’ ยืนยันว่ายังไม่ได้คุยกันในเรื่องนี้ พร้อมชี้แจงเรื่องดีลลับที่พรรคเพื่อไทยจะพลิกขั้วว่า ไม่เป็นความจริง และไม่อยากพูดถึงกรณีสมมติที่อาจเกิดขึ้นเรื่องหุ้นไอทีวีของ ‘พิธา’ ที่อาจจะทำให้ไม่ไปถึงฝันของการเป็นนายกฯ นอกจากนี้ ‘แพทองธาร’ ยังขอบคุณพรรคก้าวไกล ที่นำนโยบาย SME และนโบายบางอย่างของพรรคไทยรักไทย ในยุคของ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ และ ‘ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ เป็นนายกรัฐมนตรี กลับมาใช้ ถึงวันนี้จะไม่ได้เป็นพรรคอันดับ 1 แต่หลายนโยบายถูกกลับนำมาใช้ ยอมรับรู้สึกดีใจมาก อยากเห็นความสำเร็จอีกครั้งในปัจจุบัน