‘ทักษิณ’ ช่วยเหลือตัวเองได้ไหม ? ‘วรงค์’ ไล่บี้พิรุธ ‘ราชทัณฑ์’ ช่วยพ้นคุก

24 เมษายน 2567 - 06:08

Thaksin-Warong-Department-of-Corrections-SPACEBAR-Hero.jpg
  • ‘หมอวรงค์’ ชี้พิรุธ ‘ราชทัณฑ์’ ช่วย ‘ทักษิณ’ ไม่ต้องติดคุก คาใจ ‘ราชทัณฑ์’ แจง ‘ทักษิณ’ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้หรือได้ในช่วงขณะนั้น แต่ต้องระยะยาว ชี้ต้องอิงหลักรักษาการแพทย์ ร้อง ป.ป.ช.-ผู้ตรวจการแผ่นดินสอบ

เมื่อวันที่ 23เม.ย.67 กรมราชทัณฑ์ เผยแพร่เอกสารข่าวชี้แจงกรณีที่สื่อมวลชนเสนอข่าว หมอวรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี นำทีม เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท. และกองทัพธรรม ส่งข้อมูลผู้ตรวจฯ ยื่น ป.ป.ช. ในการช่วยเหลือนายทักษิณ ชินวัตร ไม่ต้องติดคุก โดยมีประเด็นต่างๆ เพื่อเรียกร้องคำตอบให้กับสังคมนั้น 

กรมราชทัณฑ์ ขอเรียนว่าได้ดำเนินการเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม กฎ ระเบียบ และภายใต้กฎหมาย ซึ่งสามารถชี้แจงได้ตามประเด็นต่าง ๆ ดังนี้

ประเด็นแรก การส่ง ทักษิณ ไปรักษาที่ รพ.ตำรวจ ไม่ได้ป่วยหนักจริง เพราะจากการแสวงหาข้อเท็จจริง พบว่าเป็นการส่งเพื่อป้องกันความเสี่ยงในประเด็นนี้ การส่งตัวออกไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจนั้น ว่า 

เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.ของวันที่ 22 สิงหาคม 2566 เจ้าหน้าที่พยาบาลเวรเรือนจำ ได้ตรวจติดตามอาการทักษิณ เนื่องจากเป็นผู้ต้องขังที่จัดอยู่ในกลุ่มเปราะบาง 608 (สูงอายุและมีโรคประจำตัว) และพบว่ามีอาการนอนไม่หลับ แน่นหน้าอก วัดความดันโลหิตสูง ระดับออกซิเจนปลายนิ้วต่ำ พยาบาลเวรเรือนจำ ได้ติดต่อขอคำแนะนำกับแพทย์ที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์ได้สอบถามอาการโดยละเอียดแล้ว ตลอดจนพิจารณาจากรายงานประวัติการรักษาของผู้ป่วย 

โดยแพทย์จากโรงพยาบาลต่างประเทศ (สิงคโปร์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) พบมีโรคประจำตัวหลายโรคที่อยู่ระหว่างการรักษา ติดตามอาการ เช่น กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ความดันโลหิตสูง พังผืดในปอด กระดูกสันหลังเสื่อม โดยโรคที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ คือโรคหัวใจ 

เนื่องจากทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ยังขาดเครื่องมือทางการแพทย์ที่มีศักยภาพ แพทย์จึงมีความเห็นว่าเพื่อป้องกันความเสี่ยงอันตรายที่อาจจะส่งผลต่อชีวิต 

เห็นควรส่งตัวไปโรงพยาบาลตำรวจที่มีความพร้อม มีเครื่องมือทางการแพทย์ที่มีศักยภาพสูงกว่า โดยแนวปฏิบัติกรณีมีผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจ ซึ่งอาจมีความเสี่ยงต่อชีวิตจะมีการส่งตัวรักษาให้ทันท่วงที และได้นำตัวส่งโรงพยาบาลเมื่อเวลาประมาณ 23.59 น.

ประเด็นที่ 2 การส่งตัวไป รพ.ตำรวจ ผิดกฎกระทรวงในการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ.2563 เพราะตามกฎกระทรวงต้องผ่านการรักษาพยาบาล จากสถานพยาบาลภายในเรือนจำเสียก่อน แต่จากรายงานไม่ได้ผ่าน ว่า

เมื่อรับตัว ทักษิณ  เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ได้ดำเนินการตามมาตรฐานการรับตัวเสร็จเรียบร้อย และได้จัดให้อยู่ในสถานพยาบาล แดน 7 เพื่อสังเกตอาการ เนื่องจากการตรวจร่างกายเบื้องต้นพบว่าอายุ 74 ปี จึงถือว่าเป็นผู้สูงอายุ และมีโรคประจำตัว โดยมีโรคที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษคือ โรคหัวใจ 

และเมื่อเวลาประมาณ 22.00 น. เจ้าหน้าที่พยาบาล ได้ตรวจติดตามอาการแล้วพบว่ามีอาการตามที่กล่าวแล้วในประเด็นแรก จึงได้นำตัวส่งออกรักษาตามความเห็นของแพทย์

ประเด็นที่ 3 ไม่มีการตัดผมนักโทษตามระเบียบ แม้จะอ้างว่านักโทษยังอยู่ รพ.ตำรวจ และต้องรอให้ รพ.ตำรวจ ส่งตัวกลับมาที่เรือนจำ ซึ่งฟังไม่ขึ้น เพราะนักโทษที่ไป รพ. ยังถือว่าเป็นผู้ถูกคุมขัง สำหรับเรื่องการตัดผมผู้ต้องขัง ว่า 

กรมราชทัณฑ์ ได้มีระเบียบว่าด้วยการตัดผมผู้ต้องขัง พ.ศ. 2565 โดยเรือนจำจะจัดให้ผู้ต้องขังเข้าใหม่ ได้รับการตัดผมภายในระยะเวลาที่เหมาะสม แต่ทั้งนี้ไม่เกิน 7 วัน กรณีราย ทักษิณ ชินวัตร เมื่อเรือนจำได้รับตัว และกักโรคตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์แล้ว 

ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 23.59 น. ของวันที่ 22 สิงหาคม 2566 ได้ส่งออกไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจตามความเห็นของแพทย์โรงพยาบาลราชทัณฑ์ จึงเป็นระยะเวลาที่อยู่ในระหว่างการรักษาของแพทย์ เมื่อพ้นการรักษาแล้วเรือนจำก็จะได้ดำเนินการตามระเบียบต่อไป

ประเด็นที่ 4 การจัดให้อยู่ชั้น 14 ซึ่งเป็นห้องพิเศษ อยู่ต่อเนื่อง 180 วัน ผิดกฎกระทรวง ที่กำหนด ไม่มีเหตุผลที่อ้างเรื่องความปลอดภัย เพราะถ้ามีปัญหานี้ ตามกฎกระทรวง ต้องส่งกลับมารักษาที่ รพ.ราชทัณฑ์ หรืออ้างเตียงสามัญและ ICU เต็ม ก็ฟังไม่ขึ้น ว่า

สำหรับห้องพักรักษาตัวของผู้ป่วย โรงพยาบาลที่ทำการรักษาจะเป็นผู้กำหนดว่า จะให้ผู้ป่วยพักรักษาที่ห้องใด ตึกใด เพื่อการรักษาทางการแพทย์ กรณีอดีต ทักษิณ ชินวัตร โรงพยาบาลตำรวจได้กำหนดห้องสำหรับการพักรักษา ซึ่งเป็นไปตามกฎกระทรวงการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ. 2563 กล่าวคือ สถานพยาบาลที่ทำการรักษาจัดให้ และเป็นไปตามแผนการรักษาของแพทย์

ประเด็นที่ 5 การให้พักโทษกรณีพิเศษ ก็ให้คะแนนต่ำกว่าความเป็นจริง ที่สำคัญการมีคะแนนต่ำกว่า 11 คะแนน นักโทษต้องมีสภาพย่ำแย่ เพื่อไปใช้ชีวิตบั้นปลายกับครอบครัว สภาพการช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ต้องต่อเนื่อง ระยะยาว จึงได้รับสิทธิ์พักโทษกรณีพิเศษ ไม่ใช่ดูแข็งแรงแบบที่เห็น โดยการพักการลงโทษ เป็นไปตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 และกฎกระทรวง กำหนดประโยชน์ของนักโทษเด็ดขาด ฯ พ.ศ. 2562 และประกาศกรมราชทัณฑ์ เรื่อง หลักเกณฑ์การพิจารณาพักการลงโทษ พ.ศ. 2562 ได้กำหนดประโยชน์ที่ผู้ต้องขังเด็ดขาดได้รับ 

โดยกรณีทักษิณ ได้เข้าคุณสมบัติที่ได้รับประโยชน์จากการพักการลงโทษ กรณีอายุ 70 ปี ขึ้นไป และไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ หรือ ช่วยเหลือตัวเองได้น้อย (โดยผลการประเมินตามแบบประเมินคัดกรองปัญหาสุขภาพผู้สูงอายุ ระยะยาวในชุมชน กรมอนามัยคะแนนไม่เกิน 11 คะแนน ) ซึ่งการประเมินดังกล่าวเป็นไปตามแบบเกณฑ์การประเมิน โดยผู้ทำการประเมินได้ดำเนินการประเมินตามสภาพข้อเท็จจริงที่ได้พบเห็นในข่วงระยะเวลาขณะนั้น

ล่าสุด 24 เม.ย.2567 นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า กรมราชทัณฑ์อย่าชี้แจงแบบมั่วมั่ว หลังจากที่ผมไปยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช. กรณีทักษิณ วันถัดมากรมราชทัณฑ์ออกเอกสารชี้แจงทั้งหมด 5 ประเด็น ตามที่ผมให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อ

ผมคิดว่าคำชี้แจงในประเด็นที่ 1-4 ที่ผมร้อง ป.ป.ช. มีทั้งข้อเท็จจริงที่องค์กรอิสระอย่าง ผู้ตรวจการแผ่นดินแสวงหาข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายทุกอย่าง การที่กรมราชทัณฑ์จะชี้แจงแบบถูๆไถๆ ผมคงไม่ตอบโต้ เพราะทุกท่านต้องไปชี้แจงกับ ป.ป.ช. อยู่แล้ว

ส่วนประเด็นที่ 5 นั่นคือการพักโทษกรณีพิเศษ เฉพาะประเด็นอายุเกิน 70 ปี และช่วยเหลือตนเองไม่ได้หรือได้น้อย เรื่องนี้ต้องอ้างอิงวิชาการทางการแพทย์ 

แต่สิ่งที่กรมราชทัณฑ์ชี้แจง “กรณีนายทักษิณ ได้เข้าคุณสมบัติที่ได้รับประโยชน์จากการพักการลงโทษ กรณีอายุ 70 ปี ขึ้นไป และไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ หรือช่วยเหลือตัวเองได้น้อย (โดยผลการประเมินตามแบบประเมินคัดกรองปัญหาสุขภาพผู้สูงอายุระยะยาวในชุมชน กรมอนามัยคะแนนไม่เกิน 11 คะแนน) ซึ่งการประเมินดังกล่าวเป็นไปตามแบบเกณฑ์การประเมิน โดยผู้ทำการประเมินได้ดำเนินการประเมินตามสภาพข้อเท็จจริงที่ได้พบเห็นในช่วงระยะเวลาขณะนั้น”

ถ้าอ่านรายละเอียดคำชี้แจง “โดยผู้ทำการประเมินได้ดำเนินการประเมินตามสภาพข้อเท็จจริงที่ได้พบเห็น ในช่วงระยะเวลาขณะนั้น" แค่นี้ก็รู้แล้วว่ามีพิรุธ เพราะคำชี้แจงแบบนี้ ดูแล้วกรมราชทัณฑ์ไม่เข้าใจเลยหรือว่า คำว่าช่วยเหลือตนเองไม่ได้จากการประเมิน เขาต้องเป็น "งานดูแลส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุระยะยาว”

ในคำชี้แจง ท่านก็เขียนมาชัดเจนในวงเล็บ (โดยผลการประเมินตามแบบประเมินคัดกรองปัญหาสุขภาพผู้สูงอายุระยะยาวในชุมชน กรมอนามัยคะแนนไม่เกิน 11 คะแนน) 

ดังนั้นสภาพของทักษิณที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้หรือได้น้อย ต้องเป็นปัญหาระยะยาว ไม่ใช่พบเห็นในช่วงเวลาขณะนั้น

วันหลังทางกรมราชทัณฑ์จะชี้แจงอะไร ให้ระมัดระวังด้วย อย่าชี้แจงแบบคิดว่าประชาชนไม่รู้อะไร เพราะมันไม่ได้เสียเฉพาะคนช่วยเหลือนักโทษ แต่มันจะทำให้กระบวนการยุติธรรมเสียหายทั้งประเทศ”

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์