17 พฤษภาคม 2565 ณ เมืองอองโตนี ประเทศฝรั่งเศส คณะก้าวหน้า ร่วมกับกลุ่มคนไทยในฝรั่งเศส ร่วมจัดงานปิคนิกในสวน พร้อมแถลงข่าวเปิดตัวบ้านของรัฐบุรุษอาวุโส ปรีดี พนมยงค์ ในงานดังกล่าว มีไฮไลท์สำคัญคือการพูดคุยกับสุดา และ ดุษฎี พนมยงค์ เกี่ยวกับชีวิตและความทรงจำในบ้านอองโตนี
ทั้งนี้ภายในงานพบว่า สมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดาของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้มาร่วมงาน นอกจากนี้ยังมี ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า พร้อมด้วยนักคิด-นักวิชาการจากประเทศไทยเดินไปร่วมงานด้วย
โดย พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า ซึ่งเป็นผู้นำการสนทนา ตั้งข้อสังเกตว่า สิ่งแรกที่ตนสังเกตเห็นเกี่ยวกับบ้านหลังนี้คือ แม้ภายนอกจะดูใหญ่ และในรูปภาพก็ดูเป็นบ้านที่กว้างขวาง แต่เมื่อได้เข้ามาอยู่ในบ้านจริงๆ บ้านหลังนี้เล็กมาก และทำให้อดคิดย้อนกลับไปไม่ได้ว่า นี่คือที่พำนักสุดท้ายของรัฐบุรุษผู้ก่อเกิดประชาธิปไตยจริงๆ หรือ และในวันนี้ได้เข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงบทกลอนที่ว่า “แต่คนดีเมืองไทยไม่ต้องการ”

ขณะที่ สุดา และ ดุษฎี พนมยงค์ ได้เล่าว่าหลักคิดของครอบครัวตั้งแต่สมัยคุณตา มาจนถึงคุณพ่อ ก็คือ ให้อยู่อย่างจน ถึงจะรวย และคิดถึงคนที่เขาลำบากกว่าเสมอ และการใช้ชีวิตในบ้านหลังนี้ก็ทำแบบนั้น ทุกคนอยู่อย่างสุขสบาย แต่ไม่ได้ฟุ้งเฟ้อ ปรีดีเองก็ใช้รถสาธารณะเป็นประจำ และทุกคนในบ้านต้องทำงาน ทั้งงานบ้าน และงานเสริมเพื่อหารายได้มาจุนเจือครอบครัว เช่นครูสุดา แม้จะทำงานสอนเปียโน แต่ก็ยังมีอาชีพเสริมคือการทำอาหารส่งตามบ้านด้วย

ดุษฎี ยังเล่าถึงข้อครหาที่คนจำนวนมากกล่าวหาว่าปรีดีเอาเงินแผ่นดินมาซื้อบ้านหลังนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่มีมูลแม้แต่น้อย เพราะถึงแม้ปรีดีจะไม่มีเงินทองมากมาย แต่ท่านผู้หญิงพูนศุข ภริยา เป็นบุตรของพระยาชัยวิชิตฯ อธิบดีราชทัณฑ์คนแรกของไทย และเป็นข้าราชบริพารใกล้ชิดของรัชกาลที่ 6 จึงมีทรัพย์สินมรดกอยู่บ้าง
เมื่อจะซื้อบ้านหลังนี้ ท่านผู้หญิงได้ขายที่ดินที่ได้รับมรดกมา เพื่อรวบรวมเงินมาซื้อบ้านที่อองโตนี ซึ่งตอนนั้นไม่ได้ราคาแพง เพราะอยู่ชานเมือง เพราะฉะนั้นบ้านนี้จึงไม่ใช่การเบียดบังเงินแผ่นดินหรือภาษีประชาชนอย่างแน่นอน

สำหรับงานปิคนิกในสวนบ้านอองโตนี มีผู้เข้าร่วมงานนับร้อยคน จากหลายประเทศทั่วยุโรป ไฮไลท์ของงาน นอกจากการสนทนากับบุตรสาวของปรีดี ยังมีการขับร้องเพลง “คนดีมีค่า” ซึ่งเป็นบทเพลงที่ประพันธ์ขึ้นในโอกาส 100 ปีชาตกาลของ ปรีดี พนมยงค์ ส่วนอาหารที่ใช้จัดเลี้ยงในงาน เป็น ข้าวต้มกุ๊ย อาหารที่ปรีดีชอบรับประทานเป็นประจำในขณะที่พำนักในบ้านหลังนี้
