เรียกได้ว่าตกเป็นเป้าวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักสำหรับกรณีที่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีกำหนดเข้าพรรคเพื่อไทย เพื่อพบ สส.ในวันนี้
ส่วนการเคลื่อนไหวของ ทักษิณ ที่ไปพรรคเพื่อไทย จะส่งผลต่อการอภิปรายอย่างไรนั้น พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ชี้แจงว่า ปกติเราดูแค่หลักเกณฑ์ของการคุมประพฤติ การพักโทษก็อยู่ในเรื่องของกรมราชทัณฑ์ ซึ่งมีเรื่องของการบริหารโทษ เช่น การพักโทษ หรือการใช้ที่คุมขังอื่น ในกฎหมายราชทัณฑ์และกฎกระทรวง มองว่าโรงพยาบาลเป็นที่คุมขังหนึ่ง เพราะนักโทษเฉลี่ยปีละประมาณ 50,000 คน เมื่อออกไปรักษาที่โรงพยาบาล 1-2 วัน หรือ 30 วัน เราก็หักจากวันต้องโทษ ดังนั้น เป็นนิยามหนึ่ง ซึ่งถ้าถามนักโทษว่า อยากอยู่โรงพยาบาล หรือเรือนจำ นักโทษอยากอยู่เรือนจำมากกว่า เพราะอยู่โรงพยาบาลสภาพก็ลำบาก
ขณะที่ความเคลื่อนไหวอย่างอื่นในเรื่องการคุมประพฤติ ก็จะมีข้อห้ามไปมั่วสุมกับยาเสพติด ห้ามไปเยี่ยมนักโทษด้วยกัน ถือเป็นการปฏิบัติตามปกติของประชาชน ส่วนเรื่องอื่นๆก็มีสิทธิเสรีภาพทั้งหมด เป็นหน้าที่ของกรมคุมประพฤติที่เป็นผู้ดูแล
รมว.ยุติธรรม บอกด้วยว่า วันที่ 28 มี.ค. 2567 จะมีกระทู้ถามสดของพรรคก้าวไกล ก็คงจะถามเหมือน สว. รวมถึงกระทู้เรื่องยาเสพติด ส่วนการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติของฝ่ายค้าน คงเป็นการอภิปรายคล้ายกับ สว. แต่อาจมีเนื้อหาที่เข้มข้นกว่า
เมื่อถามย้ำว่า การไปพรรคเพื่อไทย ไม่มีข้อห้ามใช่หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า มีแค่กรมคุมประพฤติให้มารายงานตัว ส่วนจะไปไหน พบใคร ในกฎกระทรวงฯ ไม่ได้พูดถึงเรื่องการเมือง
สำหรับความเคลื่อนไหวของทักษิณ ที่มีการตั้งข้อสังเกตถึงมาตรฐานกระบวนการยุติธรรมนั้น พ.ต.อ.ทวี ชี้แจงว่า กระบวนการยุติธรรมต้องปฏิบัติตามกฎหมาย เพราะรัฐธรรมนูญบอกให้รัฐต้องปฏิบัติตาม และบังคับใช้กฎหมาย ถ้าเราทำนอกกฎหมายก็ถือว่าทำตามอำเภอใจ เพราะในกฎหมายจะมีกฎระเบียบ
การถูกกฎหมายจะต้องมีการพัฒนากฎหมายในบางช่วงออกมาก่อน แต่สถานการณ์ปัจจุบันเกิดขึ้นใหม่ กฎหมายก็จะมีการพัฒนาและการแก้ไข อย่างเช่น กฎหมายราชทัณฑ์ ถ้าดูตามข้อเท็จจริง กฎหมายฉบับนี้เข้า สนช.ในสมัยรัฐบาลที่แล้ว ซึ่งออกมาเป็นกฎหมายราชทัณฑ์ปี 2560 ซึ่งผู้ร่างก็เป็น สนช.ทั้งหมด ที่สำคัญ กฎกระทรวงเป็นกฎหมายฉบับแรกที่เอากฎหมายลูกใส่ให้ สนช.ร่างด้วย ต่อมาภ่ยหลัง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีต รมว.ยุติธรรม ขณะนั้น ได้ออกกฎกระทรวง ซึ่งถ้าออกเป็นแพ็คเกจใหม่ จะส่งผลให้ผู้ปฏิบัติงานลำบาก จึงแยกออกเป็น การรักษาพยาบาล การไปที่คุมขังอื่น หรือ การพักโทษ ก็จะแบ่งเป็นตอน แต่ทั้งหมดนี้ถูกร่างโดย สนช.อยู่แล้ว
พ.ต.อ.ทวี กล่าวต่อไปว่า วันนี้เมื่อเป็นกฎหมายที่เกิดมาในช่วงรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ก็มาปฏิบัติตาม ซึ่งกฎหมายของกรมราชทัณฑ์ หากดูให้ดี กรมราชทัณฑ์แทบมีไม่อำนาจ เช่น การพักโทษ ก็เขียนให้มีคณะกรรมการพักการลงโทษ โดยคณะกรรมการก็จะมีปลัดกระทรวงยุติธรรม มีข้าราชการอื่นจากหลายหน่วยงาน รวมถึงศาลยุติธรรมด้วย จึงอยากเรียนว่าถ้าเรายอมรับกติกาว่ารัฐต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ถ้าปฏิบัตินอกกฎหมาย ถือว่าไม่ใช่หลักนิติธรรม
สำหรับเรื่องความเป็นไปได้ที่กรมราชทัณฑ์ และกรมคุมประพฤติ จะเตือนทักษิณ ให้เคลื่อนไหวน้อยลง เพราะกระแสสังคมจับตาอยู่นั้น พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เราเคารพในความคิดเห็นที่หลากหลาย ถือเป็นสิ่งที่ดี แต่กระทรวงยุติธรรมไม่มีหน้าที่ไปกำหนดในเรื่องส่วนตัว นอกจากดำเนินภารกิจตามหน้าที่ที่เรารับผิดชอบ
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมา มีนักการเมืองได้รับการพักโทษและเคลื่อนไหวในลักษณะนี้หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า คนพักโทษปีละเป็นหมื่น แต่อาจจะไม่มีสื่อมวลชนไปตามไปแบบนี้ แต่ทักษิณก็ยังรายงานตัวตามปกติ เพราะจากรายงานเมื่อคืนที่ส่งมา ทักษิณก็มารายงานตัวที่กรมคุมประพฤติ และปฏิบัติตามตามเงื่อนไขการพักโทษทุกอย่าง
ส่วนเมื่อถามว่า หนักใจหรือไม่ที่ทักษิณ เคลื่อนไหวไปหลายพื้นที่ ซึ่งกระทรวงยุติธรรมถูกวิพากษ์วิจารณ์นั้น พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า อยากให้แยกส่วนกับการทำงานของกระทรวงยุติธรรม และไม่ได้หนักใจ ซึ่งเมื่อวานนี้ครบรอบ 133 ปี กระทรวงยุติธรรม สิ่งที่เราจะมุ่งมั่นคือการลดความเหลื่อมล้ำ ทำให้ทุกคนได้รับความยุติธรรมทั่วหน้าให้ได้ ทั้งนี้ นิยามคำว่าความยุติธรรม อาจเป็นนามธรรมเกินไปสำหรับบางคน แต่เป็นเรื่องใหญ่ที่ ซึ่งขณะนี้ เราต้องทำตามรัฐธรรมนูญ และกฎหมายที่บัญญัติไว้ก่อนหน้านี้ ส่วนกฎหมายหรือกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่ไม่เป็นธรรม เราก็ควรมีการแก้ไข โดยผ่านสภาผู้แทนราษฎร
พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ 2560 ออกโดย สนช. ซึ่งเป็นสภาหนึ่ง โดย สว. บางคนที่นั่งอยู่ในสภา เมื่อวานนี้ ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ร่างกฎหมายนั้นเช่นกัน
