ทำเนียบรัฐบาล (19 ธันวาคม 2566) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (โฆษกรัฐบาล) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 ในปี 67 ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยเสนอเป็นมาตรการพร้อมกลไกบริหารจัดการ และรับทราบคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการจัดการปัญหามลภาวะทางอากาศเพื่อความยั่งยืน
โฆษกรัฐบาล กล่าวว่า สืบเนื่องจากนับวันปัญหาฝุ่น PM 2.5 จะทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งประเทศไทยจะเข้าสู่ปรากฏการณ์เอลนีโญ ไฟป่า หมอกควัน การจราจร และโรงงานอุตสาหกรรม จึงเสนอให้จัดทำมาตรการกลไกแก้ไขปัญหาทั้งระดับชาติ และระดับพื้นที่ โดยกำหนดพื้นที่เป้าหมาย 17 จังหวัดภาคเหนือเป็นหลัก รวมถึงกรุงเทพมหานคร และจังหวัดปริมณฑล
นอกจากนี้ ยังกำหนดพื้นที่เป้าหมายที่เป็นป่าอนุรักษ์ 10 แห่ง ป่าสงวนแห่งชาติ 10 แห่ง และพื้นที่ทางการเกษตรที่มีประวัติการเผาซ้ำซาก การสร้างกลไกให้ภาคเอกชนช่วยสนับสนุนเพื่อลดค่าใช้จ่าย การจัดตั้งคณะกรรมการระดับชาติ การปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรค รวมถึงการยกระดับแก้ปัญหาหมอกควันข้ามแดนจากระดับอาเซียนไปสู่การเจรจาระดับทวิภาคี
โฆษกรัฐบาล กล่าวว่า ทั้งนี้จะกำหนดเป็นเคพีไอ (KPI) กับผู้ว่าราชการจังหวัด 17 จังหวัดภาคเหนือ โดยตั้งเป้าลดการเผาลง 50% ทั้งป่าอนุรักษ์ ป่าสงวนแห่งชาติ และภาคเกษตรกรรม พื้นที่เกษตรกรรม ต้องลดการเผาลง 50% ส่วนเป้าหมายรองที่ไม่ได้อยู่ใน 17 จังหวัด ตั้งเป้าลดการเผาให้ได้ 20% และภาคอื่น 10%
ขณะที่ระดับควันพิษในส่วนของภาคเหนือ ต้องลดลง 40% กทม. 20% ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 10% ภาคกลาง 20% ส่วนจำนวนวันที่เกิดหมอกควันเกินค่ามาตรฐานภาคเหนือต้องลดลง 30% กทม. 5% ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5% ภาคกลาง 5%
“ต่อไปนี้ผู้ว่าราชการจังหวัด ทั้ง 17 จังหวัด จะขึ้นอยู่กับความสามารถในการลดปัญหา PM2.5 ตัวนี้จะเป็น KPI ที่สำคัญ มันชั่ง ตวง วัด ได้ มีเครื่องวัดมาตรฐานแน่นอน ถ้าผลงานถือว่าผ่านจะต้องได้มาตรฐานตามที่ผมได้กล่าวไป” นายชัย กล่าว
นายชัย กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ มาตรการหลักๆ อาทิ ภาคราชการจะมีการตั้งศูนย์ปฏิบัติการ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานศูนย์ เพื่อตรวจสอบไม่ให้มีการเผา ถ้าจะเผาต้องได้รับอนุญาตก่อน ส่วนภาคเอกชนที่นำวัสดุทางการเกษตรไปทำเป็นเชื้อเพลิง หรือแม้แต่เอาไปใช้เป็นอาหารสัตว์ ก็จะมีมาตรการส่งเสริมให้เอกชนเพื่อเป็นแรงจูงใจมีสิทธิพิเศษด้านภาษี รวมทั้งการอุดหนุนเรื่องของดอกเบี้ย