



จากกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติถอดถอน 'เศรษฐา ทวีสิน' ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ด้วยมติ 5 ต่อ 4 เสียง ล่าสุดมีความเคลื่อนไหวจาก 'พรรคประชาชน' โดยการแถลงจุดยืนต่อการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ (16 สิงหาคม 2567) โดย 'ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ' ส.สแบบบัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรค กล่าวว่า ในวาระการพิจารณาโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ในสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาชนขอยืนยันอุดมการณ์และจุดยืนทางการเมือง ที่เคยให้ไว้ต่อประชาชน เมื่อ 1 ปีที่ผ่านมา จากการที่รัฐสภาพิจารณาเห็นชอบให้เศรษฐา ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ซึ่งขณะนั้นอดีตพรรคก้าวไกล ไม่เชื่อว่าการจัดตั้งรัฐบาลที่เกิดขึ้นจากการผสมผสานของพรรคการเมือง ที่มีความเชื่อทางอุดมการณ์ต่างขั้ว จะสามารถผลักดันนโยบาย ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนได้
จากการประเมินการทำงานของรัฐบาลที่ผ่านมาตลอด 1 ปี ทั้งในเรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง และการแก้ปัญหาทุจริตคอรัปชั่น รวมถึงการยกระดับประชาธิปไตย พรรคประชาชนยังยืนยันคำเดิม แล้วว่าวันนี้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจำเป็นจะต้องมีการเปลี่ยนคน แต่จากข่าวที่ปรากฏ ว่าพรรคร่วมรัฐบาล (ชุดเดิม) มีความประสงค์จะเดินหน้าเป็นรัฐบาลต่อ โดยการเสนอชื่อ 'ชัยเกษม นิติสิริ' แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย
ดังนั้นพรรคประชาชนขอยืนยันว่า จะขอเดินหน้าทำหน้าที่ต่อในฐานะแกนนำพรรคฝ่ายค้าน โดยไม่มีส่วนร่วมในการโหวตสนับสนุนชัยเกษม เป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจากเป็นหน้าที่ของพรรคร่วมรัฐบาล ที่จะต้องร่วมกันเสนอชื่อ ซึ่งคาดว่าได้มีการตกลงเรียบร้อยแล้ว
แม้พรรคประชาชนไม่สามารถเสนอชื่อบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งนายกฯ ได้ แต่พรรคมีความพร้อมเข้ามาทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร โดยต้องการผลักดันอีกหลายเรื่อง ที่ไม่เพียงแต่ตรวจสอบรัฐบาลอย่างเข้มข้นเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน แต่จะเดินหน้าใช้กลไกลสภาฯ อย่างเต็มที่เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงต่อจากนี้ ซึ่งมีอีกหลายภารกิจในการสร้างการเปลี่ยนแปลงระบบการเมืองในระบอบประชาธิปไตย มีอีกหลายวาระที่เราจำเป็นต้องผลักดันร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาล
ตัวอย่างสำคัญของวาระดังกล่าว ซึ่งถูกตอกย้ำให้สังคมเห็นได้ชัดขึ้นตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา คือการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ และ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ เพื่อทบทวนขอบเขตอำนาจหน้าที่และโครงสร้างของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ ทบทวนเรื่องมาตรฐานทางจริยธรรมให้เป็นเรื่องของความรับผิดรับชอบทางการเมือง ให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน ไม่ใช่กลุ่มคนเพียงไม่กี่คนเป็นผู้ตัดสิน ทบทวนเงื่อนไขการยุบพรรคให้สอดคล้องกับหลักสากล ซึ่งสามารถดำเนินการได้คู่ขนานกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดย สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนทั้งหมด
ดังนั้น หลังจากนี้ ทางพรรคประชาชนจะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับประเด็นดังกล่าวผ่านกลไกรัฐสภา และเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐบาลและนายกรัฐมนตรีคนใหม่ จะร่วมมือกับเราในภารกิจดังกล่าว เพื่อทวงคืนอำนาจสูงสุดที่เป็นของพี่น้องประชาชนทุกคน