เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (รมว.คลัง) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้ากรณีรัฐบาลเมียนมาประสานรัฐบาลไทย เพื่อขอใช้สนามบินแม่สอด ลงจอดเครื่องบินของกองทัพ ว่า ได้รับการรายงานจากนายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (รมช.ต่างประเทศ) แล้ว ซึ่งเป็นไปตามที่นายจักรพงษ์ ได้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องการขนย้ายสิ่งของพลเรือนตามปกติ ไม่มีการขนส่งทางทหาร โดยมีการขออนุญาติอย่างถูกต้อง ยืนยันว่า ไม่มีการขนอาวุธ หรือพลทหาร
เมื่อถามว่ากระทรวงกลาโหมได้มีการประสานกันถูกต้องตามขั้นตอนแล้วใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน ซึ่งการเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 9 เมษายน นั้น เรื่องนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่ง ส่วนเรื่องใหญ่ที่เรียกประชุมคือเรื่องภายในเมียนมา จึงได้เชิญนายปานปรีย์ พหิธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, ผู้บัญชาการทหารสูงสุด, ผู้บัญชาการทหารบก รวมทั้งที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศ เพื่อกำหนดทิศทางให้ไปในทิศทางเดียวกัน
สำหรับพื้นที่ชายแดนไทยที่ติดต่อกับเมียนมา หากเกิดเหตุการณ์ไม่สงบ จนทำให้มีผู้ลี้ภัยทะลักเข้ามาในประเทศไทย จะจัดการอย่างไร นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนต้องการการบริหารจัดการที่เป็นเอกภาพ เพราะมีชายแดนที่ติดต่อกันประมาณ 2,000 กิโลเมตร โดยมีประชาชนจำนวนใกล้เคียงกัน ความประสงค์ของรัฐบาลไทย คืออยากให้ประเทศเมียนมาสงบ และเป็นหนึ่งเดียวกัน เพราะฉะนั้น จึงเป็นเรื่องสำคัญ และอยากให้มีสันติภาพเกิดขึ้นในเมียนมา
ส่วนแผนรองรับ หากมีการทะลักเข้ามาของผู้ลี้ภัยนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ยังไม่มีการทะลักเข้ามา ส่วนจุดพักพิงด้านสิทธิมนุษยชน จากที่ได้รับรายงานมาก็ยังไม่มีปัญหาอะไร
สำหรับเรื่องสิทธิมนุษยชนที่มีการรับผู้ลี้ภัยเข้ามาแล้ว ในอนาคตจะมีการส่งต่อ หรือส่งกลับอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อย่าเพิ่งไปคาดเดาเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้น ยืนยันว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษยชน ให้ความสำคัญกับความสงบ ความปลอดภัยของประชาชน
