‘นายกฯ’ เยือน ‘อู่ตะเภา’ ติดตามความคืบหน้าเมกะโปรเจกต์

23 มิ.ย. 2567 - 05:35

  • ‘นายกฯ’ เยือนอู่ตะเภา ตามข้อติดขัดสร้างรถไฟเชื่อมสนามบิน แย้มข่าวดีมาแน่เดือนหน้า ย้ำอย่าให้เกิดปัญหา หากติดกระดุมเม็ดแรกผิดจะกลายเป็นมหากาพย์

The_Prime_Minister_inspected_the_government_in_Chonburi_SPACEBAR_Hero_50d14e1d1a.jpg

‘นายกฯ’ เยือนตะเภา ติดตามข้อติดขัดสร้างรถไฟเชื่อมสนามบิน แย้มข่าวดีก.ค.นี้  ย้ำอย่าให้เกิดปัญหา - หากติดกระดุมเม็ดแรกผิดจะกลายเป็นมหากาพย์ 

23 มิถุนายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหว ‘เศรษฐา ทวีสิน’ นายกรัฐมนตรี  ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์เสาร์-อาทิตย์  ลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดชลบุรีและจังหวัดระยอง โดยในวันที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมานายกฯ ลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดชลบุรี  ก่อนที่วันเดียวกันนี้นายกฯ ลงพื้นที่จังหวัดระยอง  

โดยเวลา 10.25 น. นายกฯ เดินทาง ถึงท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ระยอง-พัทยา เพื่อพูดคุยหารือประเด็นปัญหาและการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ รองรับการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)   โดยมี ‘สุริยะ  จึงรุ่งเรืองกิจ’ รองนายกฯและรมว.คมนาคม ‘มนพร เจริญศรี’ รมช.คมนาคม  ‘จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์’ รมช.คลัง ‘ชยธรรม์ พรหมศร’ ปลัดกระทรวงคมนาคม  ‘ปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์' นายกเมืองพัทยา  ‘คีรี กาญจนพาสน์’ ประธานกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด โดยมี ‘จุฬา สุขมานพ’ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.)และ ‘ทันตแพทย์หญิงศรีญาดา ปาลิมาพันธ์'  สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย  ให้การต้อนรับ 

โดยนายกฯ กล่าวว่า ที่มาวันนี้เพื่อติดตามเรื่องของสนามบินอู่ตะเภา การพัฒนาอีอีซี รวมถึงรถไฟความเร็วสูง ที่ถือว่าเป็นเมกะโปรเจกต์ของรัฐบาลนี้ ซึ่งมีการทำกันมาหลายรัฐบาลแล้ว โดยรัฐบาลนี้ตระหนักถึงความสำคัญเรื่องการเชื่อมโยง และเป็นที่ทราบกันดีว่ามีความล่าช้าอยู่บ้าง เพราะฉะนั้นในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมดมีความสำคัญอย่างยิ่ง 

ด้านเลขาสกพอ. กล่าวว่า มีสัญญากำหนดไว้และมีเงื่อนไขการดำเนินโครงการไว้ 3 ข้อซึ่งความจริงแล้วสัญญาเสร็จตั้งแต่ปี 2562 และควรจะเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี 2564 ซึ่งตอนนี้เรากำลังบริหารอดีตอยู่   เพราะหลังจากที่มีโควิด-19 บริษัทเอกชนมีปัญหาเรื่องหาคนทำงานไม่ได้ ซึ่งการดำเนินงานต่างๆทำให้ไม่สามารถเริ่มโครงการได้และการส่งมอบพื้นที่ได้ ขณะเดียวกันดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่มขึ้น และค่าก่อสร้างยังเพิ่มขึ้นอีกด้วย ซึ่งจากสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปทำให้เขาไม่สามารถที่จะหาธนาคารมาให้กู้เงินได้ ซึ่งตรงนี้ในกระบวนการที่ผ่านมาทำให้เราจำเป็นต้องใช้วิธีการเจรจา ซึ่งปัจจุบันมีหลักการที่พยายามจะนำเสนอในกระบวนการ ซึ่งในเดือนก.ค.2567 ตั้งเป้าจะมีการนำเสนอโซลูชั่นในการเจรจาเข้าคณะกรรมการกพอ. และนำเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี(ครม.)ต่อไป โดยจะเป็นการเสนอหลักการว่าจะมีการแก้ไขในประเด็นอะไรแค่ไหน ซึ่งหากเราเห็นชอบในหลักการ ก็จะรู้ตัวสัญญาที่จะแก้ไขใหม่ ซึ่งประมาณสิ้นปี 2567 จะเซ็นสัญญาแก้ไขใหม่ได้ โดยจะเริ่มก่อสร้างในต้นเดือนธ.ค.2567 หรือต้นเดือน.ม.ค. 2568 

ขณะที่นายกฯ กล่าวว่า ตนถือเป็นหัวใจของการพัฒนาในเขตเศรษฐกิจมีทั้งหมดเชื่อว่าฝ่ายเอกชนและผู้ที่เกี่ยวข้องเรื่องสนามบินตามความเข้าใจของตนอย่างที่บอกมีความพร้อมและทำตามข้อตกลงแล้ว แต่ว่าถ้าเกิดเรื่องของโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินยังมีความล่าช้าอยู่ ซึ่งตรงนี้จะสร้างความมั่นใจให้เอกชนอย่างไรเพราะทราบว่าการมาร่วมทุนตรงนี้จะเกิดจริงหรือไม่ หากเกิดล่าช้าและไม่เกิด ทำไปมันก็ไม่ต่อภาพไม่ครบการลงทุน ทำต่อไปก็ไม่คุ้ม มันก็เป็นการอีหลัก อีเหลื่อ หากสถานการณ์เป็นไปแบบนี้ ตรงนี้ ตนอยากให้ชี้แจงความกระจ่าง 

นายกฯ กล่าวต่อว่า โครงการนี้ควรจะเริ่มก่อสร้าง ปี 2564 แต่เกิดปัญหาโควิด-19 เรื่องผู้รับเหมาและเรื่องอะไรต่างๆไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ สัญญาอยู่ระหว่างการต่อรองอันนี้ตนไม่ได้พูดถึงความชอบธรรม หรือความถูกต้อง ตนจะสรุปข้อมูลว่าเป็นลักษณะนี้ ในระหว่างที่เราเริ่มงาน 2-3 ปีเป็นเรื่องการต่อรองว่าจะทำอย่างไรต่อไปซึ่งขณะนี้เวลาของสัญญาหมดไปแล้ว แต่เดี๋ยวจะมีการหาทางออก โดยการตั้งสมมุติฐานทางด้านการเงินใหม่ รวมถึงอาจจะรวมไปถึงการต่อรองกับทางรัฐบาล เรื่องของความเงื่อนไขของผลตอบแทน ซึ่งตนไม่ขอคอมเมนต์ว่าทำได้หรือทำไม่ได้ ซึ่งทุกอย่างจะต้องจบให้ได้ภายในสิ้นปี 2567 และก่อสร้างได้ต้นปี 2568 

นายกฯ กล่าวอีกว่า คำถามต่อมาคือระหว่างนี้คนที่ทำสนามบินอู่ตะเภา เขาจะเดินหน้าต่อหรือเปล่าและความเสี่ยงมันก็มีว่าหากจบไม่ได้หรือหากกระบวนการยุติธรรม ไม่สามารถหาข้อยุติได้ ตัวบทสัญญามันจะทำอย่างไรต่อไป  ตนขอฝากไว้อย่าให้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับการก่อสร้างสนามบินหากรถไฟเชื่อม 3 สนามบินมีปัญหา ตนเชื่อว่าหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับโปรเจกต์นี้ต้องไปพูดคุยกันให้ดี เพราะสนามบินอู่ตะเภามีความสำคัญอย่างยิ่งกลับเมกะโปรเจกต์ของเรา ซึ่งเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.ที่ตนได้ลงพื้นที่ไปดูเรื่องพื้นที่สร้างสนามแข่งขัน F 1 หากไม่มีสนามบินมันก็ลำบากกับเรื่องการกระตุ้นการท่องเที่ยว ฉะนั้นเรื่องของรถไฟเชื่อม 3 สนามบินเป็นเรื่องที่สำคัญ ซึ่งประมาณสิ้นเดือนก.ค.เราก็น่าจะข้อสรุปและเป็นข่าวดี 

นายกฯ กล่าวอีกว่า ในฐานะรัฐบาลอยากให้ไปต่อเพราะถือเป็นจิ๊กซอว์การลงทุนข้ามชาติต่อยอดบริษัทที่จะมาลงทุนในอีอีซี ทำธุรกิจการค้า หรือธุรกรรมการลงทุนต่างๆในภูมิภาคนี้ ถ้าหากขาดไปตัวหนึ่งก็คงลำบาก ซึ่งเราไม่ต้องไปลงรายละเอียดว่าเชื่อม 3 สนามบินต้องไปลิงก์กับสนามบินที่กรุงเทพฯอย่างไร ย้ำว่าอย่าให้เกิดปัญหาไม่เช่นนั้นหากติดกระดุมเม็ดแรกผิดตั้งแต่ต้นก็จะเกิดปัญหาตามมาเป็นมหากาพย์ 

ด้านสุริยะ กล่าวว่า เรื่องรถไฟเชื่อม 3 สนามบินในขณะนี้ได้สั่งให้ทุกหน่วยงานเร่งรัดแล้ว ซึ่งแนวโน้มตนเชื่อว่าก่อนสิ้นเดือนก.ค. น่าจะมีข้อสรุป

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์