ภายหลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 9 ต่อ 0 เสียง 'คดีล้มล้างการปกครอง' ของ 'พรรคก้าวไกล' และมีคำสั่งให้ 'ยุบพรรค' และเพิกถอนสิทธิ์ทางการเมืองของกรรมการบริหารพรรค 10 ปี ซึ่ง 'พิธา ลิ้มเจริญรัตน์' ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้เดินทางมายังที่ทำการพรรคก้าวไกล เพื่อนำแถลงข่าวอย่างเป็นทางการกับสื่อมวลชนถึงคำตัดสิน
ทำให้บรรยากาศ ณ ที่ทำการพรรคกลับมาคึกคักอีกครั้ง มีประชาชนที่ส่วนมากสวมเสื้อยืดสีส้มและสีดำ ยืนรอให้การต้อนรับ ซึ่งนอกจาก 'พิธา' แล้วยังมีแกนนำคนสำคัญของพรรคเดินทางมาด้วย อาทิ ศิริกัญญา ตันสกุล พริษฐ์ วัชรสินธุ วิโรจน์ ลักขณาอดิศร และอื่นๆ รวมถึง 'กันวีร์ สืบแสง' เลขาธิการพรรคเป็นธรรม ที่เดินทางมาพร้อมกับช่อดอกไม้ช่อใหญ่มาเป็นกำลังใจให้


นอกจากนี้ยังมีการให้สัมภาษณ์ของ 'พรรณิการ์ วานิช' แกนนำคณะก้าวหน้า ที่ให้ความเห็นถึงคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญไว้ว่า กรณีมีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกล เป็นการตัดสินของผู้มีอำนาจ ที่ไม่อยากปล่อยให้ใครคุกคามอำนาจพวกเขา นั้นคือสิ่งที่เห็นได้จากคำวินิจฉัย ซึ่งผู้มีอำนาจสูงสุดที่แท้จริงของประเทศนี้ คือประชาชน และสิ่งที่พวกเรารออยู่ คือมุมมองจากประชาชน โดยเฉพาะประชาชนที่อยากเห็นความเปลี่ยนแปลง แบบ 'อนาคตใหม่ ' และ 'ก้าวไกล'


"อยากให้ทุกท่านเปล่งเสียงออกมาดังๆ ชัดๆ อยากฟังว่าพวกท่านอยากให้เราไปต่อหรือไม่ หากอยากให้ไปต่อแสดงออกมา ว่าความต้องการของท่าน ในวันนี้ เรายังคงก้าวไปด้วยกัน มีความหวังและความฝันแบบเดียวกัน"
พรรณิการ์ กล่าว
เมื่อถามว่า ผู้ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองจะย้ายไปสังกัดอยู่กับคณะก้าวหน้าหรือไม่ พรรณิการ์ กล่าวว่า หากกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง แล้วอยากจะช่วยกันขับเคลื่อนทางการเมืองต่อ ทางคณะก้าวหน้าก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกหนึ่ง ที่เป็นองคาพยพในการสานต่อเจตนารมณ์ของพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งต่อจากนี้เราก็จะยังคงทำงานต่อเนื่อง ส่วนพรรคการเมืองใหม่ที่จะรองรับสส.จากพรรคก้าวไกล ก็คงจะทำงานสอดคล้องกันแบบที่ผ่านมา


ทั้งนี้ อดีตแกนนำพรรคอนาคตใหม่ เชื่อว่า บุคคลที่ตัดสินใจเข้ามาทำการเมืองทุกคน เข้ามาโดยรู้ว่ามีราคาที่ต้องจ่าย สำหรับการเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ และทุกคนรู้ว่าการต่อสู้มีค่าพอ เป็นคุณค่าที่เราต้องจ่ายด้วยราคาแพง ด้วยอนาคตของพวกเรา

"เชื่อว่าทุกคนสู้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะบุคคลที่เป็น สส.คงใช้ทุกนาทีให้เกิดประโยชน์สูงสุด ส่วนคำตัดสินที่จะมาจากผลพวงเรื่องจริยธรรมและการเมือง ทุกคนก็จะเชิดหน้ารับ เพราะเวลา 4 ปี หลังยุบพรรคอนาคตใหม่ก็พิสูจน์แล้ว เราข้ามพ้นความกังวลมาหมดแล้ว ไม่มีอะไรจะหยุดยั้งการทำงานการเมืองของเราได้ จากนี้ไปก้าวไกลต้องเตรียมการย้ายไปสู่บ้านหลังใหม่ ซึ่งจะไม่มีอะไรสะดุดเราจะทำงานต่อเนื่องไป"
พรรณิการ์ กล่าว



