ในการประชุมวุฒิสภา ที่มี ‘พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์’ รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุม โดยก่อนที่จะเข้าสู่ระเบียบวาระ ‘นันทนา นันทวโรภาส’ สว. เสนอญัตติด่วนเพื่อตรวจสอบจริยธรรมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หลังจากที่พบการวิจารณ์ที่ไม่เหมาะสมและส่อขัดต่อประมวลจริยธรรมที่ใช้บังคับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการเสนอญัตติดังกล่าวพบว่ามีสว.ที่เห็นต่างและประท้วง เนื่องจากมองว่าไม่ใช่เรื่องด่วนหากเทียบกับการเสนอญัตติเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม อีกทั้งยังมองว่าไม่มีความจำเป็นเพราะการตั้งญัตติดังกล่าวเป็นการกระทบกับบุคคลภายนอกรัฐสภา นอกจากนั้นแล้วขอให้วุฒิสภาพิจารณาร่างแก้ไขข้อบังคับวุฒิสภาให้เสร็จเพื่อตั้งกรรมาธิการ จากนั้นจึงควรเสนอเรื่องดังกล่าวให้กมธ.พิจารณา ซึ่ง สว.ในกลุ่มที่สนับสนุนญัตติด่วนของนันทนา ลุกโต้แย้งและมองว่าเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่าสภาผู้แทนราษฎ ได้วินิจฉัยในญัตติที่มีเนื้อหาทำนองเดียวกันและถือเป็นญัตติด่วน ดังนั้นวุฒิสภาจึงสามารถพิจารณาเรื่องดังกล่าวได้
ทั้งนี้ พล.อ.เกรียงไกร ได้วินิจฉัยให้น.ส.นันทนาเสนอญัตติด่วนได้ แต่ต้องใช้มติของวุฒิสภาตัดสินว่าจะพิจารณาญัตติด่วนดังกล่าวหรือไม่ โดยผลการลงคะแนนพบว่าเสียงข้างมาก 118 เสียง ไม่เห็นด้วยกับญัตติดังกล่าว ต่อ 37 เสียง และงดออกเสียง 12 เสียง
อย่างไรก็ดี ภายหลังจากการประชุมเสร็จสิ้น นันทนา ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ระบุว่า ญัตติที่มีการเสนอถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องตรวจสอบจริยธรรม แต่รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง (ทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุม) ปิดไมค์ ไม่ให้เสนอ ส่วนตัวมองว่า วุฒิสภาเป็นที่ที่ควรพูดถึงเดือดร้อนของประชาชนอย่างมีอารยะ แต่กลับปิดไมค์และไม่รับฟัง ดังนั้นจึงนำญัตติเดิมกลับมาเสนอตามข้อบังคับการประชุม ให้ประธานสภาได้ทราบ ว่าไม่สามารถปิดปาก สว.ได้ วุฒิสภาไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง และไม่ใช่เวทีของประธาน วันนี้ก็มีประท้วงประปราย มติไม่ผ่านด้วยเสียงข้างมาก ไม่สามารถนำเอาจริยธรรมของตุลาการส่งต่อไปให้ศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบจริยธรรมได้ นี่คือแบบทดสอบ เสียงข้างมากไม่เห็นด้วยจะถูกตีตกด้วยการลงมติ
ส่วนจะมีการดำเนินการต่อไปอย่างไร นันทนา ระบุว่า บทบาทขอบเขตอำนาจของตุลาการ เป็นเรื่องขององค์กรอิสระ เป็นเรื่องโครงสร้าง ทำให้เห็นว่าบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับอำนาจสูงสุด สามารถให้คุณให้โทษ ทั้งการยุบพรรคการเมือง รวมถึงปลดนายกรัฐมนตรีได้ ก็กลัวจะถูกตรวจสอบ โครงสร้างต้องมีการปรับแก้ - ยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ กำหนดขอบเขตอำนาจขององค์กรอิสระที่กว้างขวาง และเรายังต้องยึดหลักการคานอำนาจ ของฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายตุลาการ จะต้องมีการถ่วงดุลอำนาจซึ่งกันและกัน ไม่ให้มีหน่วยงานไหนเข้าไปมีอำนาจล้นเกินเกินกว่าเสาอื่นได้