กรณีเกิดเหตุกระป๋องนมหล่นมาจากเพดาน ระหว่างการประชุมรัฐสภา บริเวณที่นั่งของ สส.พรรคเพื่อไทย เมื่อวานนี้ (14 ม.ค.) โดยเหตุการณ์ดังกล่าว ถูกตั้งคำถามว่ากระป๋องนมหล่นมาได้อย่างไร เป็นอุบัติเหตุหรือมี สส. ในห้องประชุมโยนลงมา

ล่าสุดวันนี้ (15 ม.ค.) ระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วิรัช พิมพะนิตย์ สส.กาฬสินธุ์ พรรคเพื่อไทย ได้หารือต่อที่ประชุม ถึงเหตุการณ์ดังกล่าว เพื่อขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าหล่นมาได้อย่างไร หากมี สส. หรือ สว. ขว้างลงมา ต้องรับผิดตามมาตรฐานจริยธรรม แต่หากหล่นมาจากฟ้าจะขอไปปลุกเสกเป็นวัตถุมงคล
ด้าน ภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้ชี้แจงต่อสมาชิกว่า โชคดีที่ไม่ใช่ระเบิด โดยเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่าไม่ใช่การขว้างจากสมาชิก แต่เป็นการหล่นมาจากเพดาน
และจากการตรวจสอบกระป๋องนมและซองขนม ระบุวันที่หมดอายุปี 2020 หรือผ่านมา 5 ปีแล้ว น่าจะค้างอยู่ด้านบนหลายปีแล้ว และร่วงลงมา พร้อมนำภาพและคลิปมาให้สมาชิกดูเพื่อยืนยันว่าร่วงลงมาจากด้านบน
“ช่วงปิดสมัยประชุมได้ตรวจดูด้านบนเพื่อปรับปรุงด้านเสียงอย่างไร พบว่ามีช่องที่สามารถหล่นลงมาได้ เป็นไปได้ว่า คนงานรับประทานไว้ช่วงก่อสร้างและทิ้งไว้ด้านบน”
— ภราดร กล่าว
โดย สส. หลายคน ได้ขอให้มีการวางมาตรการเรื่องความปลอดภัย หนึ่งในนั้นคือ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย ที่ลุกขึ้นย้อนคำพูดของรองประธานสภาฯ ที่บอกว่า โชคดีไม่ใช่ระเบิด พร้อมบอกว่าสถานที่นี้ต้องมีการรักษาความปลอดภัย หากเป็นระเบิดจริงอะไรจะเกิดขึ้น อย่าคิดว่าจะไม่เกิด เพราะคนคิดสั้นมาก มาตรการรักษาความปลอดภัยสูงสุดต้องได้รับการพิจารณา ต้องปรับปรุงหรือไม่ และทบทวนว่าข้อบังคับมีมาตรฐานเพียงพอหรือไม่
“ผมสะดุ้งที่ท่านประธานบอกว่าโชคดีไม่ใช่ระเบิด แต่ได้ตรองดูแล้วต้องพิจารณา แม้แต่ขวดน้ำหรือกระป๋อง หรือแก้วที่ สมาชิกถือ หากเขาคิดร้าย ติดอะไรเข้ามา และมีผู้คิดร้ายกดปุ่มระเบิดขึ้นมาจะทำอย่างไร และหากเกิดเหตุจริงทุกอย่างจบ ทั้งนี้ในหมวดการรักษาความปลอดภัย ขอให้ประธานเคร่งครัดในการปฏิบัติ เพื่อให้เกิดประโยชน์กับส่วนรวม”
— นพ.ชลน่าน กล่าว
ทำให้ ภราดร ชี้แจงว่า ตนพูดจริงในประเด็นระเบิด หากเป็นวัตถุอันตรายจะไม่ดีต่อสภาฯ และเป็นการพูดเพื่อสะท้อนให้เห็นว่าระรบบรักษาความปลอดภัยของสภาฯ มีปัญหาอยู่หรือไม่ จำเป็นต้องพิจารณา รวมถึงประเด็นที่ สส.หารือ เช่น ไม้กั้นเข้าพื้นที่จอดรถของ สส. เป็นต้น ทั้งนี้ในปีงบประมาณปี 68 และ 69 ต้องดำเนินการต่อไป

