21 เมษายน 2567 ‘เอกนัฏ พร้อมพันธุ'์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 ว่า ถือเป็นการจัดประชุมใหญ่หลังเลือกตั้งครั้งแรก พรรครวมไทยสร้างชาติ มีจุดยืนชัดเจน การดำเนินการทางการเมืองของเราทันสมัยด้วยความรักความสามัคคี เดินหน้าตามนี้ ตั้งแต่พรรคร่วมรัฐบาล เราทำงานในสภาผู้แทนราษฎร แทนพี่น้องประชาชน แสดงจุดยืนเรื่องที่สำคัญหลายๆ ทั้งการเสนอญัตติ การตั้งกระทู้ถาม การพิจารณากฎหมายสำคัญ หลายๆ เรื่อง ได้ทำหน้าที่ในสภาฯ อย่างเต็มที่ ขณะที่งานในพื้นที่ก็ขับเคลื่อนอย่างเต็มที่เช่นเดียวกัน
เอกนัฏ กล่าวว่า การประชุมวันนี้ ไม่มีเรื่องการปรับเปลี่ยนเก้าอี้รัฐมนตรีของพรรค ข่าวที่ออกมาเป็นกระแส เป็นข่าวทางสื่อ แต่ข้อเท็จจริงจนถึงวันนี้ยังไม่มีการประสานมาเพื่อปรับครม.
ในส่วนของพรรครรวมไทยสร้างชาติ ขณะนี้ยังไม่มีการพิจารณาอะไรทั้งสิ้น ดังนั้นข่าวที่ปรากฏบนสื่อเป็นข่าวลือ แต่กรรมการบริหารพรรค ก็ยึดมั่น เราไม่กังวลต่อข่าวลือ เราเอาความเป็นจริง ทั้งเรื่องปรับครม. หรือการทำงานของพรรค เรามีกลไก เรามีมาตรฐาน โดยเฉพาะตนในฐานะเลขาธิการพรรคได้คลุกคลี ทำงานร่วมกับสส.ใกล้ชิด พูดคุยตลอดเวลา ทุกคนมีความมั่นใจเชื่อมั่นในแนนวทางที่พรรคมี ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต ทุกคนยังอยู่กับพรรคร่วมใจสร้างชาติ
"พรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่มีความขัดแย้ง เรายืนยันในจุดยืนที่มั่นคง และแนวทางของพรรค พรรครวมไทยสร้างชาติเรามีรัฐมนตรี 4 ตำแหน่ง สส. 36 คน ไม่ต้องเตรียมพร้อมอะไร คงจะคล้ายกับครอบครัวครอบครัวหนึ่ง เราพูดคุยกันได้ เรามีกลไกของพรรคที่วางไว้ ในการพิจารณารัฐมนตรีตั้งแต่รอบแรกแล้ว ไม่ว่าจะครั้งไหนหรือครั้งหน้า ก็ใช้กลไกเดียวกันเป็นมาตรฐานไม่ต้องมีการคาดการณ์ หรือคาดเดาล่วงหน้า" เอกนัฏ กล่าว
เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ยืนยันว่า ตำแหน่งรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติ 4 ตำแหน่ง พรรคมีกลไกเงื่อนไขการพิจารณาอยู่แล้ว เราไม่ยึดเอาโควต้า ไม่เอาเรื่องภาคมาเป็นเกณฑ์ในการพิจารณาเราดูความเหมาะสม ดูความสามารถและประสบการณ์
เมื่อถามว่า จะมีการแลกกระทรวงมีการคุยกันหรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า ต้องมีการคุยกัน แต่ถ้าไม่มีการสื่อสารมาก็ต้องยึดตามเงื่อนไขเดิม ดังนั้นถ้าไม่มีการสื่อสารมาจะพิจารณาล่วงหน้าไม่ได้ เพราะเราไม่รู้ว่าข้อเสนอที่เขายื่นมาจะเป็นอย่างไร
ด้าน ‘ชาติ ชมกลิ่น’ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มีชื่อนั่งเก้าอี้รัฐมนตรี ตนเองอยู่ในพรรครวมไทยสร้างชาติ ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในกลไกของหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และผู้ใหญ่ของพรรคเป็นหลัก การปรับ ครม.อำนาจเป็นของนายกรัฐมนตรี ประสานกับพรรคร่วมรัฐบาล ตนก็ยังไม่รู้ว่าจะปรับหรือไม่ และหากมีการปรับ ก็ต้องมาหารือกับพรรค ก็ต้องมีผู้บริหารพรรคอีกจำนวนมาก มีหัวหน้าพรรคเป็นแกนหลัก รวมถึงเลขาธิการพรรคที่จะพิจารณา เราเป็น สส.ไม่มีสิทธิพิจารณาตรงนั้น
เมื่อถามว่า ข่าวมีชื่อ ไปเป็นรัฐมนตรี ได้มีการส่งสัญญาณมาหรือไม่ สุชาติ กล่าวว่า ก็สื่อมวลชนให้กำลังใจตน ก็ขอขอบคุณสื่อมวลชนด้วย และทุกคนที่ให้กำลังใจ
เมื่อถามว่า การมีชื่อตนเองในโผปรับ ครม. ได้มีการพูดคุยกับผู้ใหญ่ในพรรคหรือไม่ สุชาติ กล่าวว่า มันยังไม่มีสัญญาณอะไรทั้งสิ้น อันดับแรกต้องอยู่ที่นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลมากกว่า เราเป็น สส. วันนี้เราทำหน้าที่ให้ดีที่สุด อยู่ตรงไหนก็ทำงานเพื่อประเทศชาติบ้านเมืองได้ ไม่ได้ยึดติดอยู่แล้ว 1 ปีที่ผ่านมาเป็น สส. ก็ลงพื้นที่ตลอด
