







การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ ที่กำลังเข้าสู่ช่วงการนับคะแนน เพื่อชี้ชะตาว่าระหว่าง ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ และ ‘คามาลา แฮร์ริส’ ใครจะได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47
ขณะที่บรรยากาศที่ สถานทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย วันนี้ ( 6 พ.ย.) ได้จัดกิจกรรม Watch Party เพื่อติดตามผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยมีเจ้าหน้าที่ของสถานทูต รวมถึง ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นักวิชาการและสื่อมวลชนมาร่วมงานอย่างคึกคัก
โดยมี ‘โรเบิร์ต เอฟ. โกเดค’ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เป็นผู้แถลงเปิดงานใจความว่า “การเลือกตั้งสหรัฐฯ เป็นการเดินทางที่ท้าทายและยาวนาน หลายท่านในที่นี้อาจอยากรู้ว่าเมื่อไหร่เราจะทราบผลเลือกตั้ง ซึ่งผมเองก็ไม่อาจบอกได้อย่างแน่ชัด อาจจะเร็วๆ นี้ หรืออาจจะใช้เวลาสักพัก หรือหลายวันด้วยซ้ำ แต่สิ่งสำคัญคือกระบวนการการเลือกตั้งมีความสุจริตเที่ยงธรรม และผมรับรองได้ว่าเรามุ่งมั่นเพื่อให้เกิดความสุจริตเที่ยงธรรม”
นอกจากนี้ ‘โรเบิร์ต เอฟ. โกเดค’ ยังแสดงความมั่นใจว่า ในเดือนมกราคม ปี 2025 สหรัฐฯ จะมีประธานาธิบดีคนใหม่ แต่ไม่ว่าผลลัพธ์ของการเลือกตั้งจะเป็นเช่นไร สหรัฐฯ ยังคงเป็นหุ้นส่วนที่สำคัญของไทย เพราะไทยเป็นมิตรประเทศแรกของสหรัฐฯ ในเอเชีย ที่คงความสัมพันธ์มาอย่างยาวนาน กว่า 190 ปี และทั้งหมดจะไม่เปลี่ยนแปลงไปอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ หลังเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย แถลงเปิดงานเสร็จแล้ว ได้เปิดโอกาสให้สื่อไทยสอบถามเพิ่มเติม ซึ่งหนึ่งในประเด็นที่ถูกถามถึงคือข้อกังวลว่าหากทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง นโยบายหาเสียงของทรัมป์ที่บอกว่าจะขึ้นกำแพงภาษีกับประเทศจีนจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยหรือไม่อย่างไร
‘โรเบิร์ต เอฟ. โกเดค’ ระบุว่า “ประการแรก ขอย้ำว่าความสัมพันธ์ระหว่างไทยและสหรัฐฯ จะยังคงเหนียวแน่นต่อไป ไม่ว่าใครจะได้ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี แต่สิ่งที่ผู้สมัครได้หาเสียงไป และการเข้ามาทำหน้าที่หลังได้รับตำแหน่ง เป็นคนละส่วนกัน เพราะนโยบายต่างๆ ต้องผ่านการพิจารณาจากรัฐสภาก่อน”
อีกคำถามที่น่าสนใจ คือเพราะเหตุใดสหรัฐฯ ถึงยังไม่เคยมีประธานาธิบดีที่เป็นผู้หญิงเลย ทั้งที่เป็นประเทศที่เปิดกว้างขณะที่ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีหญิงแล้วถึง 2 คน
ประเด็นนี้ ‘โรเบิร์ต เอฟ. โกเดค’ ระบุว่า ตามประวัติศาสตร์สหรัฐฯ เมื่อ 100 กว่าปีที่แล้ว ผู้หญิงเพิ่งมีสิทธิ์เลือกตั้ง ซึ่งส่วนตัวมองว่าไม่ถูกต้อง เพราะผู้หญิงควรมีสิทธิ์เลือกตั้งตั้งนานแล้ว และปัจจุบันสหรัฐฯ พยายามทำในสิ่งที่ถูกต้องและเหมาะสม และต้องมาดูกันว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ คนอเมริกันจะเลือกใคร พร้อมมองว่า หาก ‘แฮร์ริส’ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีในครั้งนี้ เชื่อว่าจะเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับสตรีที่เข้ามามีบทบาททางการเมืองมากขึ้น