วิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยสถานการณ์ล่าสุดของพรรคที่นำมติไปคุยกับ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีว่า “รอฟังข่าวอยู่ว่าเขาจะว่าอย่างไร เขายังไม่ตอบมาอย่างเป็นทางการ
มติของพรรครวมไทยสร้างชาติ คือขอให้เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี ถ้าไม่เปลี่ยน เราก็ต้องลาออก เพราะนายกฯ หมดคุณสมบัติที่จะเป็นแล้ว อยู่ไปก็คงยาก 2-3 เดือนก็เต็มที่แล้ว เพราะขณะนี้กระแสไปเร็วมาก มติที่ผ่านมาเป็นอย่างนี้ แต่หัวหน้าไม่อยากพูด เพราะท่านเป็นสุภาพบุรุษ
ผู้สื่อข่าวถามถึงข่าวนายกฯ แจ้งกลับมาแล้วว่าจะขอลาออกหลังจากผ่านร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 แล้ว? วิทยา กล่าวว่า “ก็ไม่เป็นไร ก็ค่อยมาคุยกัน แต่ผมคิดว่าคงไม่จำเป็นหรอก เพราะงบประมาณฯ อีก 3 เดือนกว่าจะผ่าน ไม่จำเป็นหรอก”
ปัญหาคือจะอยู่ถึงหรือเปล่า ปัญหาเรื่องของจริยธรรมก็จะตามมาเป็นขบวนแล้ว มันรอดยากแล้ว ทางการเมืองก็การเมืองไป แต่ในทางกฎหมายยิ่งไปกันใหญ่ เร็วกว่าการเมืองด้วย ผมกลัวว่าการเมืองยังไม่ทันจบ ทางกฎหมายจะไปก่อนแล้ว อย่างนี้จบเลย
เมื่อถามว่ายังคงยืนยันตามนี้อยู่ใช่หรือไม่? วิทยา กล่าวว่า “ก็มันเป็นมติ เราก็ต้องยืนยันตามนั้น และคิดว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับการรักษาพรรคไว้ ถ้าเปลี่ยนแปลงจากนี้ก็ต้องมาคุยกัน”
ส่วนกรณีที่หากรัฐบาลจะเอาเฉพาะ “กลุ่ม 18” ไป จะมีปัญหาอะไรหรือไม่? วิทยา หัวเราะก่อนกล่าวว่า “จะไปอย่างนั้นอย่างไร ผมก็ยังแปลกใจกับการเมืองแบบนี้ ก็อาจจะฝากลูก ฝากหลานไปเป็นก่อนมั้ง ถ้าอย่างนั้นก็แล้วแต่เขา เขาเป็นรัฐบาล เขาก็ต้องยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งก็อาจทำให้ระบบมันเสีย แต่เมื่อเราออกจากรัฐบาลแล้ว เราก็ไม่มีพันธะอะไรแล้ว เราก็ว่าของเราไป”
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีมีข่าวนายกฯ แบ่งงานให้รองนายกฯ กำกับดูแลกระทรวงต่างๆ ที่พรรคภูมิใจไทยเคยดูแล โดยไม่มีชื่อของ พีระพันธุ์ กำกับดูแลด้วย? วิทยา กล่าวว่า “ไม่แน่ใจว่าข่าวจริงหรือไม่ เพราะตอนนี้ข่าวปล่อยเยอะ จินตนาการเยอะ นักวิเคราะห์เยอะ เรื่องนี้ถ้าจะมีการแบ่งงาน มันต้องออกมาเป็นคำสั่ง จะแบ่งกันตามหน้าหนังสือพิมพ์แล้วเราไปเต้นตามคงไม่ได้ ให้นิ่งสักหน่อย เป็นนักการเมืองอายุมากกันทุกคนแล้ว”
ส่วนข่าวที่ว่าการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะเสร็จสิ้นในวันพรุ่งนี้นั้น “ไม่เป็นไร ให้จริงก่อน เรารอได้ ไม่รีบ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวออกมาว่า แพทองธาร ได้ขอให้ผ่านการลงมติร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ในวาระที่สามก่อนจึงจะ “ลาออก”
ส่วนขณะนี้ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 อยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นของคณะกรรมาธิการฯ หลังจากที่ประชุมสภาฯ มีมติเห็นชอบรับหลักการในวาระแรก เมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2568
โดยในส่วนของไทม์ไลน์การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ นั้นสภาผู้แทนราษฎรมีกำหนดลงมติใน วาระที่ 2-3 ระหว่างวันที่ 13-15 ส.ค. 2568 และวุฒิสภาจะพิจารณาเห็นชอบระหว่างวันที่ 25-26 ส.ค. 2568 ก่อนที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ในวันที่ 8 ก.ย. 2568