ยังไม่ได้สัญญาณ ‘ปรับ ครม.’ จากนายกฯ

20 เมษายน 2567 - 05:48

varawut-20apr2024-SPACEBAR-Hero.jpg
  • ‘วราวุธ’ ประกาศกลางเวทีประชุมใหญ่สามัญฯ ‘ชทพ.’ เป็นพรรคร่วมรัฐบาลที่รับผิดชอบต่อนโยบายที่แถลงต่อสภาฯ ทำคุณภาพชีวิตคนทุกกลุ่มให้ดีกว่าเดิมด้วยสวัสดิการโดยรัฐ

  • ระบุ ยังไม่ได้รับสัญญาณปรับ ครม. จากนายกฯ

  • จะปรับหรือไม่ ให้ไปถามเพื่อไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 20 เม.ย.67 ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ วราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา เป็นประธานประชุมสามัญครั้งที่ 1/2567 พรรคชาติไทยพัฒนา โดยมีผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย กรรมการบริหารพรรค ผู้แทนสาขาพรรค ตัวแทนพรรคประจำจังหวัด และสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนาทุกคน ทั้งนี้ การประชุมใหญ่สามัญนี้จัดขึ้นเพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองพ.ศ. 2560 มาตรา 43 และมาตรา 61 ที่กำหนดให้หัวหน้าพรรคต้องจัดทำรายงานการดำเนินกิจการของพรรคการเมืองในรอบปีปฏิทินที่ผ่านมา และงบการเงินที่ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตตรวจสอบและรับรองแล้วเสนอต่อที่ประชุมใหญ่ของพรรคการเมืองเพื่ออนุมัติภายในเดือนเมษายนของทุกปี โดยพรรคชาติไทยพัฒนาไม่มีการปรับโครงสร้างแต่อย่างใด ที่ประชุมจะมีการประชุมสามัญตามระเบียบวาระ ได้แก่ เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ , เรื่องรับรองรายงานการประชุมใหญ่สามัญครั้งที่ 2 / 2566 ของพรรคชาติไทยพัฒนา เมื่อวันศุกร์ที่ 31 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา

สำหรับวาระเรื่องเพื่อทราบ ได้แก่ การแต่งตั้งผู้สอบบัญชีประจำปี 2567 , แผนหรือโครงการที่จะดำเนินกิจกรรมในปี 2568 ตามมาตรา 23 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองพ.ศ. 2560 , แผนงานและโครงการที่ได้รับการอุดหนุนจากกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง ประจำปี พ.ศ. 2567 ส่วนวาระเรื่องพิจารณา จะมีการพิจารณาให้ความเห็นชอบงบการเงินประจำปี 2566 มาตรา 61 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองพ.ศ. 2560 , พิจารณาให้ความเห็นชอบรายงานการดำเนินกิจการของพรรคในรอบปี 2566 ตามมาตรา 43 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองพ.ศ. 2560

วราวุธ กล่าวกับสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนา เรื่องการดำเนินงานตามนโยบายพรรคในฐานะฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ โดยเฉพาะงานในภารกิจที่พรรคชาติไทยพัฒนาได้รับมอบหมายให้ดูแลงานกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ไม่ว่าจะเป็นศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน(ศรส.)ผ่าน Hotline1300 ที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศมีหน่วยเคลื่อนที่เร็วช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในกรณีวิกฤตได้อย่างทันท่วงที เรื่องวิกฤตประชากร ที่ ประเทศไทยพบว่ามีผู้สูงอายุถึง 13 ล้านคน เด็กเกิดใหม่มีเพียง 5 แสนคน การเผชิญกับวิกฤตวัยแรงงานที่ขาดแคลน ประสบกับภาวะพึ่งพิงของผู้สูงอายุ กระทรวงพม.ได้จัดทำสมุดปกขาวพัฒนาความมั่นคงครอบครัวไทยเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงของมนุษย์ เสนอครม. ไปเมื่อวันที่ 9 เม.ย.ที่ผ่านมา และกำลังจะนำเสนอในที่ประชุมคณะกรรมาธิการประชากรและการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 57 โดยมีสาระสำคัญคือ “ข้อเสนอเชิงนโยบายวิกฤตประชากรและสังคมสูงวัย” ประกอบด้วยนโยบาย 5x5 คือ 5 ด้าน 5 นโยบาย

S__312426519.jpg

วราวุธ กล่าวว่า โครงการที่ขับเคลื่อนอยู่ ด้านมิติทางกฎหมาย คือผลักดันกฎหมายที่เกี่ยวกับเด็ก เยาวชนและครอบครัว ซึ่งกฎหมายที่เร่งดำเนินการสองฉบับเชื่อว่าจะสำเร็จภายในปีนี้ พรบ. คุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว ร่างพรบ. คุ้มครองเด็ก และยังมีโครงการนำร่องในการอัพสกิลพัฒนาศักยภาพของคนพิการ โดยประสานงานร่วมกับมหาวิทยาลัยและสถานศึกษาทั่วประเทศเพื่อจัดอบรมพัฒนาความสามารถในการประกอบอาชีพร่วมกับฝ่ายนายจ้างเพื่อสร้างโอกาสให้คนพิการ นอกจากนี้หลายโครงการที่เราทำไปแล้ว โครงการบริบาลและคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุในชุมชน นิคมสร้างตนเอง 43 แห่ง เน้นการพัฒนาศักยภาพของเกษตรกรและผู้ประกอบอาชีพอื่นๆในชุมชนหวังเพิ่มรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดี ยึดหลักในการทำงาน ต้องตรงจุด ถูกต้อง โปร่งใส และเป็นไปเพื่อประโยชน์ของประชาชน

“ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ทำหน้าที่รับผิดชอบต่อพรรค ต่อสมาชิกพรรคและประชาชนตามนโยบายของพรรคชาติไทยพัฒนาที่ได้ประกาศไว้ และในขณะเดียวกัน ในฐานะหนึ่งในรัฐมนตรีของพรรคร่วมรัฐบาล ก็ต้องรับผิดชอบต่อนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ที่ได้แถลงไว้ โดยเฉพาะนโยบายด้านสังคมเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี ตามที่ได้ประกาศไว้ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมของคนทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเปราะบาง คนพิการ ผู้สูงอายุ และกลุ่มชาติพันธุ์ โดยจะดูแลให้มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีงาน มีรายได้ และมีชีวิตที่ดีกว่าเดิมด้วย สวัสดิการโดยรัฐ อันถือเป็นความรับผิดชอบสูงสุดของฝ่ายการเมืองต่อประเทศชาติและประชาชน”

วราวุธ กล่าว

วราวุธ กล่าวอีกว่า แนวทางการทำงานของกระทรวงพม. ยึดมั่นอุดมการณ์ในการดูแลความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน ไม่ต่างกับอุดมการณ์ของพรรคชาติไทยพัฒนา ข้อ6 ที่ว่า มุ่งส่งเสริมสนับสนุนคุณภาพชีวิต เสริมสร้างสุขภาพพลานามัยทั้งทางด้านจิตใจและร่างกาย และข้อ7 ที่ว่า เชื่อมั่นในคุณค่าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เสริมสร้างความเท่าเทียมในสิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาคและภราดรภาพ ลดความเหลื่อมล้ำโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ด้อยโอกาสภายใต้จิตสำนึกสาธารณะ บนพื้นฐานของความซื่อสัตย์สุจริต และยุติธรรม สิ่งที่เรากำลังทำนั้นล้วนสอดคล้องกับอุดมการณ์ เพราะเราเชื่อว่ามนุษย์เป็นฟันเฟืองที่สำคัญอย่างยิ่งในการจะขับเคลื่อนสังคมไปในทิศทางที่ถูกต้องเหมาะสม

S__312426507.jpg

วราวุธ กล่าวว่า การทำหน้าที่ในสภาฯ ของสส.พรรคชาติไทยพัฒนา คณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ มีนายพานุวัฒน์ สะสมทรัพย์ ดำรงตำแหน่งประธาน , คณะกรรมาธิการการสวัสดิการสังคม , คณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม , คณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ นอกจากนี้ กฎหมายที่สมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนาร่วมโหวต อาทิ ร่างพระราชบัญญัติบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด , ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม พระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558 , ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม

“ผมเชื่อมั่นว่าสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนาทุกคนเรายังคงทำหน้าที่ทุกอย่าง อย่างเต็มที่เต็มความสามารถ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติและประชาชน และทำอย่างต่อเนื่องดังเช่นที่เคยปฏิบัติมา ขอบคุณสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนาทุกคน หวังว่าทุกการขับเคลื่อนงานที่พวกเรากำลังทำอยู่ จะได้รับแรงสนับสนุนทั้งกายและใจ จากพวกเราทุกคน”

วราวุธ กล่าว

จากนั้น วราวุธ ได้ให้สัมภาษณ์อีกว่า พรรคชาติไทยพัฒนาดูแลงานสิ่งมีชีวิตมาหมดแล้ว ตั้งแต่ 4 เท้า ถึง 2 เท้า ไม่รู้ว่าอนาคตจะมีเท้าหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้รับการส่งสัญญาณเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี แต่ในความหมายที่พูด คือ ในอนาคตหากทำงานในมิติอื่นๆ อาจจะไม่มีเท้าเลยก็ได้ เราคาดเดาไม่ได้ ขึ้นอยู่กับการพูดคุยของพรรคร่วมรัฐบาล ส่วนมีการพูดคุยกับพรรคร่วมหรือยัง ไม่สามารถตอบแทนพรรคอื่นได้ แต่ในส่วนของพรรค ยังไม่ได้มีการหารือ

S__312434881.jpg

เมื่อถามว่า มั่นใจว่าจะได้อยู่ที่เดิมหรือไม่ วราวุธ กล่าวว่า ไม่ได้มั่นใจ เพราะยังไม่รู้ ยังไม่มีการติดต่อ ก็ทำงานอย่างเต็มที่ 

ส่วนรัฐมนตรีที่มีชื่อว่า ถูกปรับ เริ่มมีการหวั่นไหวเหมือนถอนใจแล้วนั้น พรรคชาติไทยพัฒนา ยืนยันว่า ยังไม่ได้รับสัญญาณใช่หรือไม่ วราวุธ กล่าวว่า ถึงจะมีสัญญาณหรือไม่มีสัญญาณ แต่ตราบใดที่ยังดำรงตำแหน่ง รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์อยู่ ก็จะทำงานจนถึงนาทีสุดท้าย ถึงแม้มีข่าวว่าจะปรับออก หรืออย่างไรก็แล้วแต่ ตราบใดที่ยังใส่หมวกรัฐมนตรี พม. กินเงินเดือนจากภาษีประชาชน เราก็จะทำงานจนถึงนาทีสุดท้าย

“ผมไม่สามารถตอบแทนรัฐบาลและพรรคแกนนำได้ ว่า ทำงานมา7 เดือน ถึงเวลาต้องปรับครม.หรือไม่ พรรคเพื่อไทยต้องเป็นผู้ตอบคำถามนี้ แต่ยืนยันในส่วนของพรรค 7 เดือนที่ผ่านมา เรามีผลงานมากมาย เปลี่ยนมิติการทำงานของกระทรวง รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์”

วราวุธ กล่าว

วราวุธ กล่าวถึงปัญหาใหญ่ของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ คือปัญหาประชากรผู้สูงอายุ ว่า การจะให้มีประชากรเพิ่มขึ้น ต้องให้คนรุ่นใหม่ มีครอบครัว มีลูก ต้องแก้ปัญหาที่ต้นตอ สร้างความหวังให้คนรุ่นใหม่ มั่นใจว่าจะมีศัดยภาพดูแลครอบครัว ทั้งที่อยู่อาศัย คุณภาพการศึกษา คุณภาพชีวิต สิ่งแวดล้อมต่างๆ ที่เอื้อให้อยากมีครอบครัว ซึ่งไม่ใช่เฉพาะ พม. ที่ต้องรับผิดชอบ แต่ทุกกระทรวงต้องแก้ปัญหาร่วมกัน เพื่อสร้างสังคมที่คนรุ่นใหม่อยู่แล้วสบาย มีความหวัง มีที่พึ่งในอนาคต 

วราวุธ ยังกล่าวถึงการปรับตัวของพรรคชาติไทยพัฒนาให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองให้พรรคคงอยู่ต่อไป ว่า ตนคิดว่าหัวใจสำคัญของการทำงานการเมือง คือการสร้างความเปลี่ยนแปลงในงานที่เราทำ ซึ่งพรรคชาติไทยพัฒนา ตั้งแต่การเลือกตั้งปี 2562 จนถึงวันนี้ ส่วนตัวเชื่อว่าพี่น้องประชาชนได้เห็นแล้ว ไม่ว่าเราจะทำงานอยู่ในกระทรวงใด เราสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นได้ในทางที่ดี ไม่ว่าจะเป็นมิติด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือวันนี้ที่เราดูแลกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เราเปลี่ยนมิติการทำงานของกระทรวงจากเชิงรับเป็นเชิงรุก ทำงานในรูปแบบ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หนึ่งเดียว ดังนั้นการทำงานของพรรคชาติไทยพัฒนาเราเป็นนักปฏิบัติ อยู่ที่ใดเราก็สร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดคุณประโยชน์มากที่สุดให้กับประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการเมืองสมัยใดก็แล้วแต่ เป้าหมายของการเมืองคือการทำให้คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้น และตนคิดว่าเราได้ทำออกมาเป็นรูปธรรมอย่างที่สุดให้ประชาชนได้เห็น

S__312426534.jpg

เมื่อถามว่า จะทำอย่างไรให้พรรคชาติไทยพัฒนาคงอยู่ต่อไป วราวุธ กล่าวว่า การคงอยู่ของพรรคหัวหน้าพรรคพูด มันไม่สำคัญเท่ากับสมาชิกพรรคพูด หากหัวหน้าพรรคบอกว่าเราจะอยู่ค้ำฟ้าต่อไปเหมือนเป็นดาวค้างฟ้า ก็ไม่เหมือนกับสมาชิกนับหมื่นนับแสนคนพูด หากมีคนสัก 2-3 แสนคนพูดต่อกันว่าพรรคชาติไทยพัฒนาจะอยู่ ตนคิดว่ามันน่ามั่นใจมากกว่าหัวหน้าพรรคพูดเพราะหัวหน้าพรรคก็แค่เสียงเดียว แต่สมาชิกพรรคนับหมื่นนับแสนชีวิต น่าจะให้ความมั่นใจกับสังคมได้มากกว่าคนคนเดียว

เมื่อถามว่า จำนวนสมาชิกของพรรคชาติไทยพัฒนามีเพิ่มขึ้นหรือไม่หลังจากการเลือกตั้งที่ผ่านมาปี 2566 วราวุธ กล่าวว่า จากนี้เรามีสมาชิกพักอยู่ประมาณ 10,000 คน ซึ่งเป็นการรักษาปริมาณสมาชิกที่เรามีอยู่ทั่วประเทศ ไม่ให้ลดลง

S__312426531.jpg

เมื่อถามว่า การวางยุทธศาสตร์ให้คนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานในพรรคชาติไทยพัฒนามากขึ้นใน วราวุธ กล่าวว่า ขณะนี้เรามีคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานในระดับนึงแล้ว รวมถึงมีการปรับปรุงการสื่อสารกับพี่น้องประชาชน ในช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ มีทีมโฆษกหน้าใหม่และมีสุภาพสตรีเข้ามาร่วมด้วย เป็นการปรับการทำงานการทำงานของพรรคร่วมกับการคงอยู่ของผู้หลักผู้ใหญ่ที่ยังอยู่ในพรรคชาติไทยพัฒา

เมื่อถามว่า พรรคชาติพัฒนามีความมั่นใจจากสู้กับพรรครุ่นใหม่ไฟแรงที่มีอยู่ในตอนนี้ได้หรือไม่ วราวุธ กล่าวว่า  “เรื่องงานเราไม่เคยกลัว ถ้าพูดกันถึงเรื่องงานนั้นพรรคชาติไทยพัฒนาเราทำงานไม่เคยแพ้ใคร เรามั่นใจว่าเราสู้ได้แน่นอน”

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์