ภายหลังจากที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เผยอย่างเป็นทางการถึง “8 ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาลกรณี การเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต” หลายภาคส่วนในสังคมต่างวิเคราะห์-วิพากษ์อย่างคึกคัก และแน่นอนว่าทุกคนต้อง ‘เล็งเป้า’ ไปที่ ‘รัฐบาลเศรษฐา’ ว่าจะมีกระบวนท่าเดินหน้าอย่างไร
หนึ่งในผู้ที่ออกมาแสดงความไว้อย่างน่าสนใจนั่นก็คือ สมชัย ศรีสุทธิยากร ที่ปรึกษา กมธ.ติดตามงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ที่ได้โพสต์ถึงเรื่อง ‘ป.ป.ช.’ กับ ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ ซึ่งมี 6 ประเด็นดังนี้
1. ป.ป.ช.ทำเกินหน้าที่หรือไม่
คำตอบ ไม่ เพราะ พ.ร.ป. ป.ป.ช. มาตรา 32 เขียนไว้ว่า ป.ป.ช.มีหน้าที่และอำนาจเสนอ มาตรการ ความเห็นและข้อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อป้องกันหรือปราบปรามการทุจริต แม้โครงการยังไม่เกิด ก็เสนอเพื่อป้องกันได้
2. ข้อเสนอข้อที่ 2 ให้ กกต.ไปดูนโยบายในการหาเสียงของพรรคเพื่อไทย ว่า มีการปฏิบัติต่างจากการหาเสียงหรือไม่ เป็นการก้าวก่ายหน้าที่ กกต.หรือไม่
คำตอบ คือ ไม่ เพราะมาตรา 221 ของรัฐธรรมนูญ กำหนดให้องค์กรอิสระร่วมมือและช่วยเหลือกันเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการปฏิบัติหน้าที่
3. ครม.ต้องปฏิบัติตามข้อเสนอของ ป.ป.ช.หรือไม่
คำตอบ คือ ไม่ ข้อเสนอของ ป.ป.ช.เป็นเพียงการให้ข้อคิดเห็น รัฐบาลไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตาม
4. รัฐบาลควรเดินหน้าในเรื่องการแจกเงินดิจิทัลอย่างไร
คำตอบ คือ หากรัฐบาลเห็นว่าเป็นสถานการณ์จำเป็นเร่งด่วน ก็ออกเป็นพระราชกำหนด แต่หากอยากให้รัฐสภามีส่วนรับผิดชอบ ก็ออกเป็นพระราชบัญญัติ
5. ครม.จะกล้าลงมติส่ง ร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 500,000 ล้านบาท เข้าสภาหรือไม่และจะมีผลอย่างไรตามมา
คำตอบ ไม่รู้ อยากรู้ก็ทำเลย

อัดรัฐบาลหมดเวลายื้อ ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ จี้ตัดสินใจทางใดทางหนึ่ง
จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ มองว่า รัฐบาลหมดเงื่อนไขที่จะซื้อเวลาแล้ว ภายหลัง ป.ป.ช.มีข้อเสนอแนะออกมา ดังนั้น ต้องตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง และเชื่อว่าประชาชนก็ยังรอคำตอบอยู่ พร้อมชื่นชมว่า ป.ป.ช.มีทีมงานด้านเศรษฐกิจที่ดี มีศักยภาพสูงในการให้ความเห็นที่จะทำหน้าที่ตรวจสอบต่อไปในอนาคต
ป.ป.ช.ชี้ชัดว่าเศรษฐกิจไม่ได้วิกฤติ ซึ่งหมายถึงเศรษฐกิจระดับมหภาค ดังนั้น ถ้ารัฐบาลจะตัดสินใจอะไร ต้องคำนึงถึงว่าไม่ก่อให้เกิดการทุจริต ทั้งเชิงนโยบายและภาคปฏิบัติ หรือทำผิดกฎหมาย
จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์
ย้ำต้องแสดงความรับผิดชอบต่อนโยบายหาเสียง
จุรินทร์ ย้ำด้วยว่า เมื่อรัฐบาลหาเสียงไว้แล้วก็ต้องทำ พร้อมยืนยัน ไม่เคยขวางโครงการดิจิทัลวอลเล็ต แต่พรรคการเมืองต้องแสดงความรับผิดชอบตามที่หาเสียงไว้ เมื่อทำหน้าที่เป็นรัฐบาลก็ต้องทำให้ได้ เพราะจะทำให้นักการเมืองมีความรับผิดชอบมากขึ้น แม้จะใช้นโยบายโครงการประชานิยม ก็เป็นประชานิยมที่มีความรับผิดชอบที่ต้องทำให้ตรงปก และต้องรับผิดชอบตามผลที่ตามมา
หมดเวลายื้อแล้วที่จะอ้าง เพราะก่อนหน้านี้ อ้างกฤษฎีกา และวันนี้ ป.ป.ช.ก็มีคำแนะนำให้รัฐบาลแล้ว จึงไม่มีอะไรที่จะซื้อเวลาแล้ว
จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์
เมื่อถามว่า ขณะนี้ประเทศไทยถึงขั้นวิกฤตเศรษฐกิจหนือไม่นั้น จุรินทร์ ยอมรับว่า ประชาชนเดือดร้อนจริง แต่เข้าใจว่าภาษากฎหมายจะต้องเข้าเงื่อนไขเศรษฐกิจวิกฤต ซึ่งคำว่าเศรษฐกิจวิกฤต น่าจะหมายถึง ‘เศรษฐกิจมหภาค’ มากกว่า ซึ่งเรื่องนี้ ป.ป.ช. ให้ข้อเสนอแนะที่ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องตัดสินใจ จึงใช้โอกาสนี้ทวงถามแทนประชาชน

ความเห็น ป.ป.ช. ปม ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ ทำทุกอย่างดีเลย์โดยเปล่าประโยชน์ ซ้ำเปิดช่องให้คนร้องเรียนง่ายขึ้น
ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล มองต่างมุมว่า หลายเรื่องที่ ป.ป.ช.มีความเห็นมาในครั้งนี้ ไม่ได้แตกต่างจากความเห็นที่หลุดออกมาสู่สื่อมวลชนก่อนหน้านี้ แม้ครั้งนี้จะมีแหล่งข่าวระบุว่า ป.ป.ช.จะพยายามปรับให้โทนของความเห็นเบาลง แต่ความจริงก็เหมือนเดิมทุกประการ หลายเรื่องเป็นสิ่งที่รัฐบาลทราบอยู่แล้ว ว่าเศรษฐกิจอาจจะไม่ได้อยู่ในภาวะวิกฤต แต่อยู่ในภาวะกำลังฟื้นตัวเข้าสู่จุดสมดุล หรือการที่หาเสียงไว้แบบหนึ่งแต่กำลังจะทำอีกแบบ
ดังนั้น เรายังคงยืนยันว่า คำแนะนำของ ป.ป.ช. ก็เป็นเพียงอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช. ตามพรบมาตรา 32 แต่รัฐบาลก็ไม่จำเป็นต้องทำตามที่ ป.ป.ช.เสนอแนะ แน่นอนว่ามีส่วนที่เราเห็นด้วยในบางข้อ แต่ในหลายข้อคิดว่าน่าจะเกินขอบเขตอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช.ในการแนะนำ อาทิ การให้จำกัดคนที่จะได้รับประโยชน์ให้เป็นเฉพาะกลุ่มเปราะบาง หรือรายได้น้อยเท่านั้น ก็ต้องมาดูด้วยว่าวัตถุประสงค์ของแต่ละโครงการที่แตกต่างกัน อาจไม่ได้เพื่อกลุ่มเปราะบางโดยเฉพาะ
การที่ ป.ป.ช.ทำรายงานฉบับนี้ออกมา แล้วทำให้ทุกอย่างต้องดีเลย์ออกไป ค่อนข้างเป็นการเสียระยะเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ ความจริงรัฐบาลควรต้องเดินหน้า ปรึกษาหารือ และนัดประชุมกับคณะกรรมการนโยบายชุดใหญ่ เพื่อสรุปว่าโครงการนี้จะเดินหน้าในวิธีใดมากกว่า
ศิริกัญญา ตันสกุล
เมื่อถามว่า หากรัฐบาลเดินหน้าโครงการต่อ จะไปจบที่ศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น ศิริกัญญา มองว่า รัฐบาลทราบมาโดยตลอดว่าการออก พ.ร.บ.เงินกู้ มีความเสี่ยงทางกฎหมาย โดยเฉพาะ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง และยังไม่ได้รับคำตอบจากรัฐบาลว่าจะแก้ปมนี้อย่างไร อีกทั้งรายงานของ ป.ป.ช. ยังมีถ้อยคำที่เขียนเรื่องนี้ไว้โดยเฉพาะ จึงอาจทำให้คนไปร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.ได้ง่ายดายขึ้น
รัฐบาลไม่จำเป็นต้องทำตามคำแนะนำ ‘ป.ป.ช.’ แต่ควรหาข้อมูลมาหักล้างเรื่องความไม่คุ้มค่า
อย่างไรก็ตาม น.ส.ศิริกัญญา ชี้ว่า ในหลายช่วงหลายตอนขอรายงานของ ป.ป.ช.มีการพูดถึงความคุ้มค่าของโครงการ และตัวคูณทางการคลัง ส่วนตัวจึงมั่นใจว่า หากรัฐบาลทำการศึกษาขึ้นมาชุดหนึ่ง เพื่อหักล้างข้อมูลของ ป.ป.ช.ก็สามารถทำได้ แต่รอจนถึงวันนี้ ก็ยังไม่มีผลการศึกษาดังกล่าวจากรัฐบาล มายืนยันความคุ้มค่าของโครงการเลย
หนทางที่จะใช้งบประมาณ ปี 2568 เพื่อจะได้ไม่ต้องกังวลความเสี่ยงทางด้านกฎหมาย แต่ก็จะทำให้โครงการล่าช้าออกไปอีก หลังเดือน ก.ย. ของปี 2567 คือเริ่มจากเดือน ต.ค. เป็นต้นไป ซึ่งก็ยังไม่แน่ชัดว่าโครงการจะเริ่มเมื่อไหร่ เพราะกำหนดการจากเดือน พ.ค. ก็เลื่อนไปแล้วอย่างไม่มีกำหนด และอีกข้อจำกัดคือแม้จะใช้งบปี 2568 ก็ยังไม่มีงบประมาณเพียงพอสำหรับโครงการ 500,000 ล้านบาทนี้ ดังนั้น การลดกลุ่มเป้าหมายลงมาก็เป็นทางออกอีกทางหนึ่ง แต่อีกปมที่ยังไม่ได้แก้ คือเรื่องความคุ้มค่าของโครงการ
ศิริกัญญา ตันสกุล
ส่วนจะถือว่าช้าเกินไปหรือไม่ ที่รัฐบาลจะหันกลับมาทบทวนโครงการนี้ ศิริกัญญา ก็มองว่า ไม่ช้า เพราะเราไม่เคยปฏิเสธว่าเศรษฐกิจไทยมีปัญหา เพียงแต่ว่าตอนนี้ยังไม่เข้าสู่ช่วงวิกฤตเต็มตัว ยังคงจำเป็นที่จะต้องมีมาตรการต่างๆ ออกมาได้แล้วในวันนี้ โดยที่ไม่ต้องรอถึงเดือน พ.ค. หรือ ต.ค. ถ้ามีการทบทวนในระหว่างทางว่าควรต้องมีโครงการอื่นๆออกมาในระหว่างนี้ก่อน โครงการดิจิทัลวอลเล็ตก็คงจะต้องรอให้มีเงินมากเพียงพอ แล้วค่อยทำ ก็ยังคงเป็นไปได้เช่นเดียวกัน
เพราะว่าก็ไม่รู้จะโทษใครดี ที่ต้องการจะทำโครงการขนาดมหึมาแบบนี้ แต่ไม่ได้เตรียมในเรื่องเงินที่วางไว้ จึงต้องมีปัญหาที่ต้องแก้ไปทีละปะเหลาะแบบนี้ไปเรื่อยๆ ตอนนี้คิดว่าควรมีแอ็กชัน อะไรที่สามารถทำได้เลย อาจจะเล็กลงมา ใช้งบกลางที่มีอยู่ก่อนแล้วไปพลางก่อน ก็น่าจะทำให้ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้ภายในระยะเวลานี้
ศิริกัญญา ตันสกุล