






คณะกรรมาธิการวิสามัญ (กมธ.) พิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) วุฒิสภา ประชุมนัดแรก เพื่อเลือกประธานกรรมาธิการ โดยมี **‘แล ดิลกวิทยรัตน์’ สว.**ที่มีความอาวุโสสูงสุด เป็นประธานในการดำเนินการเลือกประธานและกรรมาธิการในคณะ
ทั้งนี้ มีรายงานว่า มีพูดคุยกันนอกรอบ เพื่อวางตัวบุคคลในการดำรงตำแหน่งต่างๆ ในกรรมาธิการ ซึ่งมีจะเสนอชื่อ ‘จรัญ ภักดีธนากุล’ อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเป็นประธาน แต่ ‘จรัญ’ ปฏิเสธรับตำแหน่ง
ภายหลังจากที่ประชุม กมธ.ใช้เวลาประชุมนานกว่า 2 ชั่วโมง ก็ได้มีมติเลือก ‘นพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย’ สว. เป็นประธาน กมธ. พิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) วุฒิสภา พร้อมกล่าวถึงแนวทางการทำงานของกรรมาธิการว่า ต้องฟังจากคนที่ออกกฎหมายฉบับนี้ก่อนว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร ตลอดจนข้อดีและข้อเสีย โดยไม่จำเป็นต้องเชิญพรรคการเมือง แต่เชิญคณะรัฐมนตรีผู้ออกร่างมาคุยให้ฟังก่อน
ส่วนที่หลายคนมองว่ากรรมาธิการชุดนี้ถูกต้องขึ้นมาเพื่อเป็นข้อต่อรองทางการเมืองนั้น นพ.วีระพันธ์ กล่าวว่า หลายคนมีความคิดว่า ไม่ใช่เรื่องการเมือง คนที่มารวมกันในกรรมาธิการหลายคนบอกว่า เป็นเรื่องของผลประโยชน์ของประเทศชาติ สังคม เศรษฐกิจ ไม่ใช่เรื่องของการเมืองโดยเฉพาะตนเอง ไม่ได้มองว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องการเมือง ซึ่งรายละเอียดของกฎหมาย จะพูดคุยกันในครั้งต่อๆ ไป
ส่วนจากการันตีได้หรือไม่ว่า เมื่อกฎหมายเข้ามาสภาแล้วผ่านมาถึงสว. และสว.จะมีการพิจารณากฎหมายอย่างรวดเร็ว นพ.วีระพันธ์ กล่าวว่า ตอนนี้ยังการันตีอะไรไม่ได้ ต้องฟังความคิดเห็นของแต่ละคนที่เชิญมาเป็นกรรมาธิการ จะมีความเห็นอย่างไร ถ้าบอกตอนนี้จะเท่ากับเป็นการชี้โพรง ซึ่งตอนนี้เรายังไม่ได้ชี้โพรงอะไรทั้งสิ้น เรารอฟังอย่างใจที่เปิดกว้าง มั่นใจว่า เป็นกลางและจะทำงานเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ ไม่ใช่เรื่องผลประโยชน์ทางการเมือง
ด้าน ‘แล ดิลกวิทยรัตน์’ กล่าวถึงการทำงานของกรรมาธิการชุดนี้ จะมีประโยชน์หรือไม่ เพราะมีการตั้งข้อสังเกตว่า เป็นข้อต่อรองทางการเมือง โดย แล กล่าวว่า อยู่ที่ว่าจะทำงานกันอย่างไร ถ้าตั้งอยู่บนพื้นฐานของวิชาการ และมีความเป็นกลางก็จะได้ข้อสรุปที่เป็นประโยชน์กับสังคมโดยรวม แต่ถ้าหากมีวิชาการน้อยไป ความเป็นกลางน้อยไป ผลที่ได้ก็จะได้รับความเชื่อถือน้อยไปเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ไม่มีความเห็นว่า คณะกรรมาธิการชุดนี้ไม่ได้ตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นเกมต่อรองทางการเมืองกับรัฐบาลใช่หรือไม่ เพราะไม่ได้มีส่วนในการตั้งโดยตรง
สำหรับที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า กรรมาธิการในสัดส่วนคนนอก ค่อนข้างจะต่อต้าน ‘ทักษิณ ชินวัตร’ อดีตนายกรัฐมนตรี ดังนั้น กรรมาธิการชุดนี้ อาจจะมีธงมาแล้วว่า จะไม่เห็นด้วยกับนโยบายใดๆ ของรัฐบาลเพื่อไทยใช่หรือไม่ แล กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นว่า ต้องเน้นย้ำในเรื่องของความเป็นกลางและต้องอิงหลักวิชาการให้ชัดเจน มิฉะนั้น จะเลี่ยงข้อครหาที่ว่ามีเหตุผลทางการเมืองที่อยู่เบื้องหลังการตั้งได้ลำบาก
แล ยังกล่าวถึงข้อกังวลต่อร่างพ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจรว่า จะต้องมองในแง่ของผลทั้งระยะสั้นและระยะยาว ระยะสั้นอาจมีรายได้ แต่ระยะยาวอาจจะมีสิ่งอื่นที่เกี่ยวข้อง และมีความกังวลหลายอย่าง เช่น เรื่องของการบังคับใช้กฎหมายว่า จะเคร่งครัดและก็มีประสิทธิภาพมากแค่ไหน เรื่องโอกาสการควบคุม ไม่ให้เกิดการฟอกเงินจะเป็นอย่างไร เรื่องของการจ้างงานมากเท่าที่ควรจะเป็นหรือไม่ โดยที่เราศึกษาประเทศที่มีเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว เราพบว่า มีความล้มเหลวก็เยอะ เช่นประเทศฟิลิปปินส์ ประเทศกัมพูชา แต่อาจจะอ้างได้ว่า บางประเทศอาจจะประสบความสำเร็จ เช่นประเทศสิงคโปร์ เราจะต้องมีการช่างตวงกันโดยเหตุผลทางวิชาการที่ชัดๆ
สำหรับการศึกษาของกรรมาธิการจะต้องแตะในตัวกฎหมายที่รัฐบาลเสมอด้วยหรือไม่ แล กล่าวว่า ก็ต้องแตะกฎหมายที่รัฐบาลเสนอและสำคัญกว่านั้นคือ ข้อความในกฎหมายว่า ครอบคลุมหรือไม่และนึกถึงกลไกการบังคับใช้กฎหมายว่า มีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะบังคับความให้เป็นไปตามบทบัญญัติมากแค่ไหน
ส่วนการป้องกันทางสังคม ที่กฎหมายดังกล่าวอาจจะกระทบกับกฎหมายอีกหลายฉบับนั้น แล กล่าวว่า อะไรที่เป็นช่องทางที่จะสร้างหลักประกันว่า สิ่งเหล่านี้จะเป็นคุณมากกว่าเป็นโทษ เราจะต้องครอบคลุมให้ถึงทั้งหมด