‘วิสุทธิ์’ มั่นใจ! ‘เศรษฐา’ รอดคดีถอดถอน

30 ก.ค. 2567 - 03:42

  • ‘วิสุทธิ์’ มั่นใจ! นายกฯ รอดคดีศาลฯ ไร้แผนสำรอง

  • ระบุ ยังไม่เตรียมคนเสียบเก้าอี้แทน ‘หมออ๋อง’ รอผลคำวินิจฉัยก่อนหารือพรรคร่วมฯ

  • เผย เตรียมถกงบฯ ดิจิทัลวอลเล็ตพรุ่งนี้ (31 ก.ค.)

visut-30jul2024-SPACEBAR-Hero.jpg

วิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2567 เพิ่มเติม ในวาระที่ 2 และ 3 ว่า ถือเป็นงบประมาณสำคัญ ที่ประชาชนคาดหวังให้ร่างงบประมาณฯ ฉบับนี้ ผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรเร็วที่สุด ซึ่งกรรมาธิการฯ ได้มีการพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว จึงนำมาเสนอสภาฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบ พร้อมขอให้ประชาชนได้ติดตามการพิจารณา ซึ่งถือเป็นความหวัง และอยากให้ร่างงบประมาณ ได้ผ่านไปโดยเร็ว เพื่อให้งบประมาณไปถึงประชาชนโดยเร็ว เพราะรัฐบาล เข้าใจถึงปัญหาเศรษฐกิจของประเทศดี และคาดว่า จะใช้เวลาการพิจารณาไม่นาน ไม่เกิน 16.00 น. เนื่องจากมีผู้สงวนคำขอแปรญัตติไม่มาก

วิสุทธิ์ ยังกล่าวถึงแผนสำรอง และการเตรียมความพร้อมของวิปรัฐบาล ที่ศาลรัฐธรรมนูญ นัดอ่านคำวินิจฉัย คดีเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กรณีการแต่งตั้งพิชิต ชื่นบาน อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นรัฐมนตรี ในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ว่า วิปรัฐบาล ไม่มีแผนสำรองใดๆ เพราะมั่นใจมากว่า คดีของนายกรัฐมนตรี ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่นอน เพราะเชื่อว่า นายกรัฐมนตรีได้ดำเนินการอย่างถูกต้อง ผ่านการหารือจากทุกฝ่ายแล้ว จึงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม และไม่มีความกังวลใดๆ ทั้งสิ้น จึงไม่มีแผนสำรองใดๆ 

ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรี ได้ส่งเอกสารถึงศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อปิดคดี โดยยืนยันถึงความผิดโดยสุจริตนั้น วิสุทธิ์ มั่นใจว่า เป็นความสุจริตของนายกรัฐมนตรี เพราะนายกรัฐมนตรีไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบเอง แต่ได้หารือหลายฝ่าย รวมถึงกฤษฎีกา เมื่อเกิดปัญหา จึงต้องว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม แต่มั่นใจว่านายกรัฐมนตรีเป็นผู้บริสุทธิ์ และยังสามารถทำงานให้กับประชาชนต่อไปได้

วิสุทธิ์ ยังปฏิเสธที่จะกล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ จะนัดอ่านคำวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกล ในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ ซึ่งจะเกี่ยวพันกับตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ที่เข้าข่ายอาจถูกตัดสิทธิทางการเมือง หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกล แต่ระบุเพียงว่า จะต้องรอว่าไปตามกระบวนการ เนื่องจากเหตุยังไม่เกิด และไม่อยากก้าวก่ายถึงพรรคการเมืองอื่น เพราะจะทำให้บาดหมางกัน จึงต้องว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม และเมื่อถึงเวลาหากเกิดปัญหาขึ้นจริง ก็ต้องพิจารณาความเหมาะสมตามสัดส่วน ทั้งพรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐ จะตัดสินใจเรื่องใดเรื่องหนึ่งจากพรรคเพื่อไทยอย่างเดียวไม่ได้ แต่จะต้องปรึกษาหารือเพื่อหาความเหมาะสมในพรรคร่วมรัฐบาลก่อน แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้คิดว่า พรรคก้าวไกลจะถูกยุบ และให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์