‘มาดามเดียร์’ ชีวิตไม่เคยแพ้ แต่ไม่เคยชนะ ‘สนามการเมือง’

29 พ.ย. 2566 - 09:47

  • ชีวิตของ ‘มาดามเดียร์’ เป็น ‘ดาวเด่น’ มาตั้งแต่อยู่ ‘รั้วธรรมศาสตร์’ เรื่อยมาถึงการเข้าสู่ ‘วงการธุรกิจ’ เริ่มจากการเป็น ‘โบรกเกอร์’ มาสู่ ‘ธุรกิจสื่อ’ จากเหตุการณ์ นปช. ชุมนุมใหญ่ และการได้พบรักกับ ‘ฉาย บุนนาค’

  • ชีวิตของ ‘มาดามเดียร์’ โรยด้วยกลีบกุหลาบ เป็น ‘ชีวิตที่ไม่เคยแพ้’ แต่เมื่อ ‘มาดามเดียร์’ มาสู่สนามการเมือง ได้รู้จักคำว่า ‘แพ้’ ครั้งแรก และอีก 2-3 ครั้ง จนล่าสุด ‘มาดามเดียร์’ ประกาศชิง หน.ประชาธิปัตย์

Watanya-Bunnag-Candidate-Reader-Democrat-Party-Life-Winner-Politics-SPACEBAR-Hero.jpg

ชีวิตของ ‘มาดามเดียร์-วทันยา บุนนาค’ นามสกุลเดิม ‘วงษ์โอภาสี’ ดูเหมือนจะโรยด้วยกลีบกุหลาบ ไม่เคยมี ‘ประวัติพ่ายแพ้’ จนมาสู่สนามการเมือง ที่ ‘มาดามเดียร์’ ได้รู้จักคำว่า ‘แพ้’ ครั้งแรก ในการเลือกตั้ง สส. ปี 2562 และ 2566 ที่ลำดับ สส.บัญชีรายชื่อ ไปไม่ถึงชื่อ ‘มาดามเดียร์’ 

แต่เมื่อปี 62 เกิดการเลือกตั้งซ่อม จ.เชียงใหม่ เขต 8 ทำให้ลำดับ สส.บัญชีรายชื่อ พปชร. เลื่อน จึงขยับชื่อ ‘มาดามเดียร์’ ได้เป็น สส. สมัยแรก แบบ ‘ส้มหล่น’ แต่ ‘มาดามเดียร์’ ก็ออกโรงปกป้องตนเอง ย้ำว่าเป็นไปตามกลไก รธน.

แต่ในความพ่ายแพ้ครั้งล่าสุด ในการเลือกตั้งปี 66 กลับมี ‘จังหวะโอกาส’ ที่ ‘มาดามเดียร์’ ได้คว้าไว้แล้ว คือการประกาศชิงเป็น หน.ประชาธิปัตย์ คนใหม่

ชีวิตของ ‘มาดามเดียร์’ เรียกว่าเป็น ‘ดาว’ ตั้งแต่สมัยเข้าเรียน คณะศิลปกรรมศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ ม.ธรรมศาสตร์ ได้เป็น ‘เชียร์ลีดเดอร์’ งานฟุตบอลประเพณี มธ.-จุฬาฯ ครั้งที่ 61 เคยเป็นพรีเซนเตอร์โฆษณาผลิตภัณฑ์ครีมบำรุงผิวด้วย

แต่ใครจะรู้ว่าก่อน ‘เอ็นทรานซ์’ ในยุคนั้น ‘มาดามเดียร์’ เคยสนใจคณะมัณฑนศิลป์ เลยไปเรียน Drawing แต่ที่บ้านไม่สนับสนุน จึงมาทางสายศิลปศาสตร์แทน

การเข้าสู่ ‘รั้วแม่โดม’ เปลี่ยนชีวิต ‘มาดามเดียร์’ อย่างมาก ผ่านระบบ ‘กิจกรรมนักศึกษา’ ที่หล่อหลอมเป็น ‘อินเนอร์’ มาถึงวันนี้  นอกจากเป็น ‘เชียร์ลีดเดอร์’ ยังมีโอกาสได้ไปทำ ‘ค่ายอาสา’ ด้วย เช่น ไปสร้างโรงอาหาร สร้างโรงเรียน แม้ส่วนตัวจะไม่ได้สนใจการเมืองโดยตรง แต่การเรียน ‘ธรรมศาสตร์’ ด้วยบริบทต่างๆ ก็ทำให้ซึมซับมา แต่ที่ซึมซับโดยตรงคือมาจาก ‘คุณแม่’ ที่สนใจการเมือง เปิดทีวีและวิทยุที่บ้าน-บนรถ

เมื่อเรียนจบ ‘มาดามเดียร์’ กลับมาทำงาน ‘สายโบรกเกอร์’ โดยเป็นเหตุผลของครอบครัว ที่ ‘คุณพ่อ’ อยากให้มาทำ ‘สายการเงิน’ และสามารถสอบได้ ‘ไลเซนส์’ ไปสมัครงานบริษัทหลักทรัพย์ ดูเรื่องไฟแนนซ์ ทำให้ได้รู้จัก ‘ธุรกิจ’ ต่างๆ มากขึ้นด้วย ถือเป็นประตูด่านแรกของ ‘โลกธุรกิจ’ ของ ‘มาดามเดียร์’ ที่สำคัญได้พบกับ ‘ฉาย บุนนาค’ เป็นครั้งแรกด้วย

ทั้งนี้เป็นช่วงเวลาที่ ‘มาดามเดียร์’ ได้ช่วงเวลาโทรทัศน์จาก ททบ.5 มาทำรายการด้วย จึงเป็น ‘ก้าวแรก’ ที่ทำให้ ‘มาดามเดียร์’ เข้ามาสู่แวดวง ‘ธุรกิจสื่อ’ จากนั้นประมาณ 2 ปี ได้มาตั้ง ‘สถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์’ เป็นห้วงเวลาที่มีเหตุการณ์กลุ่ม นปช. ชุมนุมแยกราชประสงค์ ซึ่ง ‘มาดามเดียร์’ มองเห็นความสำคัญของ ‘สื่อ’ ในการลดความขัดแย้ง ทำให้ ‘สปริงนิวส์’ ในยุคนั้นไม่มีผังรายการ แต่ให้ทีมข่าวไปเกาะสถานการณ์ชุมนุมแทน ทำให้รัฐบาลในยุคนั้นจับตา

นอกจากนี้ ‘มาดามเดียร์’ ยังชื่นชอบฟุตบอล เพราะมีพี่ๆน้องๆที่เป็น ‘ผู้ชาย’ จึงหนีไม่พ้นฟุตบอล ที่สำคัญมาดามเป็น ‘แฟนหงส์แดง’ ด้วยการชอบฟุตบอลก็ทำให้ ‘มาดามเดียร์’ เป็นที่รู้จักกว้างขวางขึ้น โดยเมื่อปี 59 พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้ทาบทามให้มาเป็น ‘ผู้จัดการทีมชาติไทย’  รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ทำหน้าที่ 1 ปีเต็ม จึงเป็นที่มาของคำว่า ‘มาดาม’ เพราะตามธรรมเนียมวงการกีฬา หากมี ‘ผู้หญิง’ เข้ามาในวงการฟุตบอล นักข่าวกีฬาจะใช้คำว่า ‘มาดาม’ นำหน้าชื่อ

ช่วงที่ ‘มาดามเดียร์’ เป็น สส. ถือว่า ‘บู้’ เช่นกัน ได้รวมกลุ่ม สส. 6 คน ที่เป็น สส.กรุงเทพฯ ในนาม ‘กลุ่มดาวฤกษ์’ ที่เดินเกมการเมือง โดยเฉพาะเหตุการณ์ ‘โหวตสวน’ ก.พ.64 ในการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยเฉพาะการ ‘งดออกเสียง’ ไว้วางใจ ‘ศักดิ์สยาม ชิดชอบ’ รมว.คมนาคม ในขณะนั้น ที่มีการอภิปรายเรื่องการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม และเรื่องเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ทำให้ ‘ภูมิใจไทย’ บีบ ‘พลังประชารัฐ’ ต้นสังกัดกลุ่มดาวฤกษ์ แสดงสปีริตรับผิดชอบ ทำให้ พปชร. ทำการแช่แข็ง ‘กลุ่มดาวฤกษ์’ ในบทบาทการเมือง

จนมาถึง ก.ย.64 ที่เปรียบเป็น ‘ฟางเส้นสุดท้าย’ ที่ ‘มาดามเดียร์’ ลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจ สวนมติ พปชร. โดย ‘ลงคะแนนงดออกเสียง’ ให้ ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในขณะนั้น เกี่ยวกับการบริหารจัดการด้านสาธารณสุขในช่วงโควิดระบาด นำมาสู่ที่ ‘มาดามเดียร์’ ตัดสินใจประกาศ ‘ลาออก’ จากสมาชิก พปชร. เมื่อ 16ส.ค.65 ก่อนจะมาเป็นสมาชิก ปชป. เมื่อ 22ก.ย.65 

ต่อมา ‘มาดามเดียร์’ ได้รับแต่งตั้งเป็น ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมืองกรุงเทพฯ ปชป. แต่การเลือกตั้ง พ.ค.66 เป็น ‘ความพ่ายแพ้ทางการเมือง’ ของ ‘มาดามเดียร์’ อีกครั้ง เพราะ ปชป. ไม่ได้ สส.กรุงเทพฯ แม้แต่คนเดียว เป็นการ ‘สูญพันธุ์’ ครั้งที่ 2 ของ ปชป. ในพื้นที่ กทม. ต่อจากเลือกตั้งปี 62

ล่าสุด ‘มาดามเดียร์’ ได้เดิมพันครั้งสำคัญ ประกาศลงชิง ‘หัวหน้า ปชป.’ คนใหม่ งานนี้ ‘มาดามเดียร์’ ต้องมั่นใจว่า ‘ได้แน่’ มิเช่นนั้น คงไม่ ‘ออกตัวแรง’ เช่นนี้ หาก ‘มาดามเดียร์’ ได้เป็น หัวหน้า ปชป. อาจเรียกได้ว่าเป็น ‘ชัยชนะทางการเมือง’ ครั้งแรก และเป็น ‘ก้าวสำคัญ’ ที่มี ‘งานใหญ่’ รออยู่ จะได้เป็น ‘นางพญา’ สมความตั้งใจหรือไม่?

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์