วิกฤติไฟใต้วัดใจใคร? บิ๊กอ้วน-ผบ.ปู เกมเปลี่ยนม้ากลางศึก

11 พ.ค. 2568 - 05:56

  • สถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้กลับมารุนแรงและเกิดถี่ขึ้น

  • ท่ามกลางข่าวลือข่าวปล่อย แต่ในพื้นที่ทุกคนกำลังรอหนทางแก้ปัญหา

  • เกิดคำถามว่า ฝ่ายก่อเหตุผลักดันสถานการณ์และเครือข่ายเข้าสู่สภาไทยได้แล้วหรือไม่?

  • ปัญหานี้จะนำไปสู่การใช้แผนปรับเปลี่ยนแม่ทัพนายกองจากคนที่ใช่หรือคนของใครหรือไม่

“วันนี้ดู (ผู้ก่อเหตุ) จะเหิมเกริมมากขึ้น จนถึงขั้นคนที่มีตำแหน่งในองค์กรการเมืองในระดับชาติ กล้าที่จะยกย่อง นาย มะรอโซ จันทรวดี ของ BRN กลางรัฐสภาของรัฐไทยอย่างไม่น่าเชื่อ” 

 

นี่คือ ถ้อยคำที่แสดงถึงความรู้สึกอัดอั้น ความรู้สึกคับแค้นใจ และความวิตกกังวลของศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.สุรชาติ บำรุงสุข อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนบางสำนัก 

 

อาจารย์สุรชาติ ใช้คำพูดที่ยาวกว่านี้และแรงกว่านี้ เพียงแต่บางคำอาจไม่เหมาะที่จะนำมาเผยแพร่ซ้ำ ซึ่งทั้งหมดเป็นท่าทีที่ต่างไปจาก อาจารยสุรชาตินักวิชาการด้านความมั่นคงที่สุขุม และสุภาพ และทั้งหมดก็แทบจะเป็นความรู้สึกเดียวกับคนไทยส่วนใหญ่ 

 

คนไทยที่เฝ้าสังเกตการณ์ เฝ้าติดตาม สถานการณ์ล่าสุดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สถานการณ์ที่กำลังมีเหตุรุนแรงปะทุขึ้นอีก

 

บรรยากาศบางพื้นที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เริ่มมีกระแสข่าวความไม่ปลอดภัย กระแสข่าวการเตรียมการก่อเหตุ โดยมีเป้าหมายที่คนไทยซึ่งนับถือศาสนาพุทธ

 

หลายพื้นที่เริ่มมีข่าวลือ จะย้ายพระสงฆ์ออกจากวัด จะย้ายครูไทยพุทธออกจากพื้นที่ คนไทยที่นับถือศาสนาพุทธบางแห่งเตรียมย้ายถิ่นฐาน ท่ามกลางใบปลิว จริงบ้างไม่จริงบ้าง เกลื่อนไปทั่ว

 

ยิ่งล่าสุดสถานการณ์ก็ยิ่งดูเหมือนจะล่อแหลมต่อการเกิดเหตุมากขึ้น เมื่อกระทรวงมหาดไทย โดย อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการกองอาสารักษาดินแดน ออกหนังสือด่วนไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดใน 4 จังหวัด คือ สงขลา ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส

 

หนังสือฉบับดังกล่าว สั่งการให้กำลังอาสาสมัครรักษาดินแดนในพื้นที่ เพิ่ม 4 มาตรการระวังป้องกัน และเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์การก่อเหตุของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ทั้งด้านความพร้อมของกำลังพล มาตรการระวังป้องกันฐานที่ตั้ง มาตรการด้านการข่าว และมาตรการตรวจสอบคลังเก็บอาวุธอย่างเคร่งครัด  

 

ทั้ง 4 มาตรการ แม้ดูจะเป็นการสร้างความพร้อม ความอุ่นใจให้กับชาวบ้าน และกำลังพลในพื้นที่ แต่อีกด้าน ก็ดูจะตอกย้ำความเป็นไปได้ว่า จะมีการก่อเหตุร้ายในพื้นที่เกิดขึ้นอีก

 

ไม่เพียงเท่านั้น การเดินทางลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ล่าสุด ของ ‘ผบ.ปู‘ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ยังเป็นท่าทีที่สะท้อนให้เห็นถึงความกังวล และเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด

 

‘ผบ.ปู’ ลงพื้นที่รอบนี้ ค้างคืนในค่ายสิรินธร ที่ตั้งของกองทัพภาคที่ 4 ส่วนหน้า โดยหนีบเพื่อนร่วมรุ่น ตท.26 คนสำคัญ 2 คนลงไปด้วย คนหนึ่งคือ แม่ทัพกุ้ง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อนสนิทที่เคยนอนห้องเดียวกันมาตั้งแต่เรียนโรงเรียนเตรียมทหาร อีกคนคือ เสธฯแมกซ์ พล.อ.คมกฤช รัตนฉายา ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก 

 

แม่ทัพกุ้งนั้น เคยลงไปปฏิบัติหน้าที่ราชการสนามในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มาแล้วถึง 2 ครั้ง โดยเฉพาะในจังหวัดปัตตานี และเป็นหนึ่งในนายทหารที่คุ้นเคยกับบรรดาผู้นำศาสนาในพื้นที่ พอๆกับเป็นที่รู้จัก และรู้มือกันดีกับบรรดาแกนนำกลุ่มผู้ก่อเหตุว่า พูดน้อยต่อยหนัก คำไหน คำนั้น 

ขณะที่ เสธฯแมกซ์ พล.อ.คมกฤช นั้น ถือเป็นนายทหารที่ไม่ใช่เพียงลูกหม้อของกองทัพภาคที่ 4 เท่านั้น แต่ยังเป็นลูกชายอดีตแม่ทัพภาคที่ 4 พล.อ.กิตติ รัตนฉายาอีกด้วย

 

เสธฯแมกซ์ เติบโตในกองทัพภาคที่ 4 มาโดยตลอด โดยเฉพาะในกองกำลังทหารพรานจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เขาเคยดำรงตำแหน่งผู้บังคับการกองกำลังทหารพรานจังหวัดชายแดนภาคใต้ คุมกำลัง 9 กรมทหารพรานมาก่อน 

 

ยุคนั้นต้องถือว่า เสธฯแมกซ์ เป็นนายทหารสายลุย ที่มีคู่หูสายลุยต่างวัย ที่ประกอบด้วยนายตำรวจรุ่นพี่ รองใหม่ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ อดีตรอง ผบ.ตร. และนายทหารรุ่นพี่ เสธฯแตน  พล.อ.จตุพร กลัมพสุตโดยเฉพาะการปิดล้อมตรวจค้นคดีใหญ่ๆ ที่มี ใหม่ แตน แมกซ์ หรือมี ใหม่กับแมกซ์ เข้าร่วมสนธิกำลังเสมอ   

 

การลงพื้นที่ร่วมกับ ผบ.ปู พล.อ.พนาในรอบนี้ ทั้งแม่ทัพกุ้งและเสธฯแมกซ์ จึงเหมือนลงไปพูดคุยกับแหล่งข่าวเก่าๆ  และรวบรวมข้อมูล เพื่อนำเสนอ ผบ.ปู สำหรับการตัดสินใจเปิดแผนยุทธการ และการปรับแผนยุทธการครั้งใหญ่อีกระลอก   

 

ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีการระดมเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 26 (ตท.26) ในกองทัพภาคที่ 4 ทั้ง พล.ท.อนุสรณ์ โออุไร แม่ทัพน้อยที่ 4 พล.ต.นิติ ติณสูลานนท์ รองแม่ทัพน้อยที่ 4 เข้าร่วมหารือ นอกรอบในบ้านพักรับรองภายในค่ายสิรินธรอีกด้วย

 

ส่วนการประชุมอย่างเป็นทางการที่มี พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 เข้ารายงานสถานการณ์ให้ ผบ.ปู รับทราบ หลังการประชุมก็เริ่มมีข่าวลือการปรับกำลัง และปรับแผนยุทธการใหม่ โดยเน้นการปรับแผนยุทธการของกองกำลังทหารพรานจังหวัดชายแดนใต้ หรือ กกล.ทพ.จชต. ที่ควบคุมกำลังหน่วยเฉพาะกิจทหารพรานทั้ง 9 กรม ซึ่งเป็นหน่วยกำลังหลักทางยุทธการของกองทัพภาคที่ 4 

 

นอกจากนี้ยังมีชื่อ พ.อ.หาญพล เพชรม่วง ผอ.กองยุทธการ กองทัพภาคที่ 4 เป็นแคนดิเดตที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่ง ผบ.กกล.ทพ.จชต.คนใหม่ แทน พ.อ.สฐิรพงษ์ อาจหาญ ผบ.กองกำลังคนปัจจุบัน

 

โดย พ.อ.สฐิรพงษ์ ซึ่งปัจจุบันตำแหน่งหลัก เป็นเสนาธิการกองพลทหารราบที่ 15 จะถูกส่งไปเป็นรองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส เพื่อสนับสนุนภารกิจพิทักษ์เมืองนราธิวาส ที่วันนี้อยู่ในภาวะเป็นพื้นที่เปราะบาง และเสี่ยงต่อการเกิดเหตุกับคนไทยที่นับถือศาสนาพุทธในพื้นที่ 

 

โดยเฉพาะหลังเกิดเหตุยิงหญิงชราตาบอด ที่อำเภอจะแนะ กราดยิงคนไทยพุทธ ที่อำเภอตากใบ และก่อเหตุอุกอาจวางระเบิดไว้ในกล้องวงจรปิดที่อำเภอจะแนะ จนเป็นเหตุตำรวจเสียชีวิต 1 ราย  

 

นอกจากการปรับเปลี่ยน ผบ.กองกำลังทหารพรานแล้ว แม้ในการหารือระหว่าง ผบ.ปู กับทีมกองทัพภาคที่ 4 และเพื่อนร่วมรุ่น ตท.26 จะไม่มีการพูดถึงการปรับเปลี่ยนหัว หรือการปรับเปลี่ยนแม่ทัพภาคที่ 4 เพราะส่วนตัว ผบ.ปู กับแม่ทัพไพศาล มีการต่อสายตรงพูดคุยกันตลอด 

 

แต่ล่าสุดยังมีกระแสข่าวการเปลี่ยนม้ากลางศึก เมื่อมีการพูดถึงการเปลี่ยนตัวแม่ทัพภาคที่ 4จากพล.ท.ไพศาล เป็นคนอื่น ทั้งที่ยังไม่ถึงวาระโยกย้ายประจำปี 

 

ท่าทีนี้มาจากคำพูดของผู้ใหญ่ในกระทรวงกลาโหม ที่หลุดออกมาระหว่างการโทรศัพท์พูดคุยกับผู้ที่ชาวบ้านให้การเคารพในพื้นที่ ซึ่งโทรไปขอให้กระทรวงกลาโหมปรับแผนยุทธการ หลังเหตุกราดยิงสามเณรเสียชีวิต ว่า “เปลี่ยนแม่ทัพ จะไม่ง่ายกว่าปรับแผนยุทธการหรือ?”

 

ไม่เพียงวาทะเปลี่ยนแม่ทัพง่ายกว่าปรับแผน ยังมีรายชื่อว่าที่แม่ทัพภาค 4 คนใหม่ หลุดออกมาจากผู้ใหญ่คนเดิมว่า หากเป็นคนนี้…ก็อาจแก้ปัญหาภาคใต้ได้เร็วขึ้น 

 

ส่วนรายชื่อว่าที่แม่ทัพที่หลุดออกมาคนนั้น จะเป็นใคร ใบ้ให้ทายกันง่ายๆว่า ไม่ใช่เลขที่รวมกันได้ 8 และไม่ใช่เลขที่รวมกันได้ 9 แต่จะเป็นเลขอะไร ที่รวมกันได้ 10 ต้องไปบวกเลขกันเอาเอง!

 

แผนแก้ปัญหาความไม่สงบในภาคใต้รอบใหม่ ที่เริ่มจากเกมเปลี่ยนม้ากลางศึกในระดับผบ.กองกำลังทหารพราน มาจนถึงกระแสข่าวเปลี่ยนม้าตัวใหญ่ระดับแม่ทัพภาคที่ 4 จึงเป็นเกมเดาใจ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ว่า จะเลือกแนวทางไหน ระหว่างปรับแผนยุทธการ โดยใช้ม้าศึกตัวเดิมที่มีความคุ้นชินพื้นที่และคุ้นชินแผนปฏิบัติ ทั้งระดับ ผบ.กองกำลัง และระดับแม่ทัพภาค 

 

หรือ จะเลือกเปลี่ยนม้าศึก ทั้งที่ศึกกำลังประชิดเข้ามารอบด้าน ด้วยการเดิมพันกับม้าศึกตัวใหม่ ที่บางตัวเป็นม้าหน้าเดิมที่เคยกรำศึกมาแล้ว แต่ก็ไม่มีอะไรโดดเด่น หรือม้าบางตัวที่เป็นม้าหน้าใหม่ ถึงจะเคยเฉียดลงมาในพื้นที่บ้าง แต่ก็ไม่เคยมีผลงานแจ้งชัด ที่พอจะพิสูจน์ทราบให้เป็นที่ประจักษ์ 

 

นอกจากเดาใจ ‘ผบ.ปู’ แล้ว ก็ต้องวัดใจ ‘บิ๊กอ้วน‘ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ด้วยว่า เสียงร่ำลือถึง การเปลี่ยนแม่ทัพ ง่ายกว่าปรับแผน พร้อมรายชื่อแคนดิเดตที่มีเลขรวมกันได้ 10 จะเป็นเพียงแค่เสียงร่ำลือลอยๆ

 

หรือ จะเป็นเสียงร่ำลือที่มีมูล ท่ามกลางสุภาษิตสำคัญ “ไม่มีไฟ ก็ไม่มีควัน” กันแน่  

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์