ตามคำสัญญาที่ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ได้ให้ไว้ จะเดินทางมาเคารพศพ ‘ลุกป๊อก-วินัย ช่างเหล็ก’ อดีตคนขับรถคู่ใจ ‘ทักษิณ’ ที่อยู่กันมายาวนาน ตั้งแต่ ‘ทักษิณ’ ยังเป็น ‘นักธุรกิจภูธร’ ทะยานสู่ ‘นักธุรกิจหมื่นล้าน’ จนมาสู่ ‘สนามการเมือง’ ได้เป็น ‘รัฐมนตรี’ และขึ้นสูงสุดเป็น นายกฯ และถูก ‘รัฐประหาร’ เรียกว่า ‘ลุงป๊อก’ อยู่กับ ‘ทักษิณ’ ค่อนชีวิต ทั้งช่วงที่ ‘กราฟชีวิต’ ขึ้นสูงสุด-ลงต่ำสุด ทำให้ ‘ทักษิณ’ สั่งเก็บร่าง ‘ลุงป๊อก’ ไว้เกือบ 1 ปี
โดย ‘ทักษิณ’ มีกำหนดเดินทางไป วัดสังฆชินาราม อ.สีดา จ.นครราชสีมา 25พ.ค.67 เพื่อร่วมงานฌาปนกิจศพ ‘ลุงป๊อก’ หลังจากเสียชีวิตและได้มีการทำพิธีรดำน้ำศพ-สวดพระอภิธรรม ตั้งแต่เดือน ก.ค.66 ซึ่งในขณะนั้น ‘ทักษิณ’ ได้ประสานมายังครอบครัวลุงป๊อก ขออย่าเพิ่งทำพิธีฌาปนกิจเผาศพ ขอให้ทำพิธีบรรจุเก็บศพไว้ก่อน รอตนกลับมาร่วมฌาปนกิจก่อน
ระยะเวลาช่วง ก.ค.66 ยังเป็นช่วงที่ ‘พรรคก้าวไกล’ นำจัดตั้งรัฐบาล และท่าทีของ ‘ทักษิณ’ ที่ยืนกรานว่าช่วง ก.ค.-ส.ค.66 จะเดินทางกลับไทยแน่นอน
สำหรับชื่อของ ‘ลุงป๊อก-วินัย ช่างเหล็ก’ เคยตกเป็นข่าว ‘คดีซุกหุ้น’ ตั้งแต่ภาค 1 ที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตัดสินเมื่อ 3 ส.ค. 2544 จากกรณีที่ ป.ป.ช. ฟ้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวหา ‘ทักษิณ’ ผู้ถูกร้อง และคู่สมรส ‘คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์’ ที่ชื่อของ ‘วินัย ช่างเหล็ก’ ปรากฏเป็นผู้ถือหุ้นในหลายบริษัท เช่น ถือ 346,500 หุ้น ในบริษัท ชินวัตรคอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) , ถือ 24,988,986 หุ้น ในบริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์สปอร์ตคลับ จํากัด เป็นต้น
สุดท้ายศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย มติเสียงข้างมาก 8 ต่อ 7 ให้ ‘ทักษิณ’ พ้นผิด ไม่มีความผิดเรื่องการซุกหุ้น ตาม รธน. 2540 ในขณะนั้น
ก่อนที่ ‘ลุงป๊อก’ จะเสียชีวิต เขาได้เปิดใจผ่านหนังสือ ‘THAKSIN SHINAWATRA Theory and Thought’ ในมิติ ‘ลูกน้อง’ ที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับ ‘เจ้านาย’ มายาวนาน ค่อนชีวิต กับสิ่งที่ ‘อยากจำ-ไม่อยากจำ’ โดยเฉพาะวินาทีที่ ‘ทักษิณ’ โดนรัฐประหาร รวมทั้งความฝันของ ‘ลุงป๊อก’ ที่ไม่ทันได้เกิดขึ้นจริง หาก ‘ทักษิณ’ ได้กลับไทย แล้วอยากให้ไปขับรถให้อีก จะไปหรือไม่ ?
เริ่มจาก ‘ลุงป๊อก’ มาร่วมงานกับ ‘ทักษิณ’ ได้อย่างไร ?
‘ลุงป๊อก’ เล่าว่า “สมัยก่อนผมเป็นเด็กล้างรถครับ อยู่ที่ปั๊มน้ำมัน ซึ่งเป็นปั๊มเดียวกันกับที่ท่าน ชอบเอารถมาล้างพอดี เลยได้เจอกันบ่อย ซึ่งท่านคงรู้สึกว่าผมน่าใช้มั้งครับ คล้ายถูกชะตา วันหนึ่งท่านเลยเอ่ยถามผมว่า ไปอยู่ด้วยกันไหม ผมตอบกลับไปแบบไม่ต้องคิดเลยว่า ‘ไปครับ’ (หัวเราะ) เพราะผมรู้สึกว่าท่านใจดี แต่ตอนแรกท่านให้มาอยู่โรงหนังที่ราชวัตรของท่าน ก่อนนะครับ ผมมาทํางานเดินตั๋วและดูแลส่วนต่าง ๆ ทั่วไป”
พอได้ร่วมงานกับ ‘ทักษิณ’ แล้ว เป็นอย่างไรบ้าง ?
‘ลุงป๊อก’ ตอบว่า “โห ดีกว่าที่คาดอีกครับ ท่านไว้วางใจ ให้ผมดูแลหลายอย่างมาก ผมเองรับงาน มาก็เรียนรู้และทําเต็มที่เสมอ เพราะถือว่าท่านเชื่อใจแล้วเราก็ควรทําให้ดีที่สุด ผมเลยทํางานให้ท่านมาเรื่อย ๆ จนจากเด็กโรงหนัง ไปๆ มาๆ ยังไงไม่รู้ เหมือนกัน วันหนึ่งผมก็ได้มาขับรถให้ท่านนั่ง และได้ทําหน้าที่นั้นมาโดยตลอด เป็นงานที่ภูมิใจมากครับที่ท่านไว้ใจเรา”
“ในแต่ละวันผมจะรู้นัดล่วงหน้าก่อนครับ โดยท่านจะเป็นคนนัดผมเอง เช่น พรุ่งนี้ออก 7 โมงนะ มาได้ไหม ผมก็จะมาประมาณ 6 โมงครึ่ง เพื่อมาเช็กสภาพรถก่อน เตรียมรถให้พร้อมออกเมื่อท่านมาถึง เพราะท่านเป็นคนตรงเวลามาก บอกคำไหนคือคำนั้น บอกรถออก 7 โมง คือรถออก 7 โมง ไม่เคยผิดนัดเลย ส่วนระหว่างวันถ้าท่านลงจากรถไปทำธุระ ผมก็จะดูแลรถต่อ เพราะผมมองว่าท่านเหนื่อยกว่าเราอีก เราแค่ขับรถไม่เท่าไหร่หรอก ยิ่งในเมื่อท่านมอบหมายหน้าที่มาแล้ว ดังนั้นต้องทำให้เต็มที่ มีความรับผิดชอบ และอดทนทำงาน อย่าไปคิดอะไรเยอะแยะ” ลุงป๊อก กล่าว
เวลาอยู่บนรถ ‘ทักษิณ’ เป็นแบบที่คนข้างนอกเห็นหรือไม่ ?
‘ลุงป๊อก’ นั่งคิดและยิ้ม พร้อมกล่าวว่า “ส่วนใหญ่ท่านจะหลับครับ เพราะท่านเป็นคนทำงานหนักมาตลอด ยิ่งช่วงทำงานการเมืองก็ยิ่งหนักขึ้นหลายเท่าตัว โดยเฉพาะช่วงเป็นนายกฯ หรือช่วงหาเสียง เรียกได้ว่าไปไหนไปกัน กลับดึกมาก ๆ เที่ยงคืน ตี 1 ตี 2 เป็นประจำ ส่งผลให้ท่านเป็นคนพักผ่อนง่าย หลับบนรถบ่อย อย่างถ้าได้สักครึ่งชั่วโมงระหว่างไปที่ใหม่ ตื่นขึ้นมาท่านจะสดใสเลย สู้ต่อได้”
แล้วในกรณีที่ไม่หลับ ‘ทักษิณ’ คุยอะไรกับ ‘ลุงป๊อก’ บ้าง ?
‘ลุงป๊อก’ ตอบว่า “ส่วนใหญ่จะคุยเรื่องนัดหมายที่ต่อไป เพราะท่านจะเป็นคนคำนวณเวลาเดินทางเสมอ ละเอียดขนาดว่าต้องไปถึงจุดแรกกี่โมง ใช้เวลาเดินทางไปจุดที่สองกี่นาที น่าจะถึงจุดที่สองกี่โมง อะไรพวกนี้ ท่านจะบอกตลอด ส่วนการคุยเรื่องอื่นๆ ท่านเป็นคนไม่ถือตัวเลยครับ ถามประจำว่ากินข้าวหรือยัง ลูกเป็นไงบ้าง ครอบครัวเป็นไงบ้าง มีความสุขไหม คุยกันสบายๆ และแสดงความเป็นห่วงด้านอื่นในชีวิตเราเสมอ ซึ่งไม่ได้เป็นแค่ผม ทุกคนที่ทำงานด้วยท่านเป็นห่วงทุกคน มีอะไรท่านก็ให้ ไม่ต้องไปขออะไรเพิ่ม ท่านคือเจ้านายที่ดีที่สุด”
“ท่านเป็นคนที่เรียบง่าย ไม่เจ้ายศเจ้าอย่าง ไม่มีชี้นิ้ว ทุกวันเลยเป็นเหมือนความประทับใจ ท่านเป็นคนกินอะไรง่ายๆ หลายครั้งที่ท่านเอ่ยปาก ‘ไปหาก๋วยเตี๋ยวกินกัน’ ผมประจับใจกับอะไรแบบนี้”
ช่วงที่ ‘ทักษิณ’ ทำงานการเมือง มีข่าวต่างๆ ทั้งดี-ไม่ดี ‘ลุงป๊อก’ รู้สึกอย่างไร ?
‘ลุงป๊อก’ เล่าว่า “ผมคิดแค่ว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น นั่นคือเรื่องของท่านครับ ดังนั้นผมไม่ได้ คิดอะไรมากไปกว่าการขับรถซึ่งเป็นหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ส่วนในแง่ของเจ้านาย-ลูกน้อง ถ้าเจ้านายเหนื่อย ผมก็พร้อมเหนื่อยด้วย ถ้าเจ้านายหัวเราะ ผมก็ยิ้ม ผมคิดแค่นั้นจริงๆ”
จำวันท้าย ๆ ที่ได้ขับรถให้ ‘ทักษิณ’ นั่งได้ไหม ? ‘ลุงป๊อก’ ตอบทันที “จําไม่ได้ครับ ไม่อยากจํา”
หลังจากที่ไม่ได้ร่วมงานกัน ‘ลุงป๊อก’ เป็นอย่างไรบ้าง ?
‘ลุงป๊อก’ กล่าวว่า “ก็คนเราอะเนอะ ถึงจะเป็นเจ้านายกับลูกน้อง แต่ก็อยู่ใกล้ชิดกัน ผูกพันกัน เคารพกัน พอเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดเกิดขึ้น ยอมรับว่าผมทําใจไม่ได้เลย ต้องไปพักผ่อน หนีไป ทําใจอยู่นาน ใช้เวลาเป็นหลักเดือนครับ กว่าจะค่อย ๆ กลับมา”
“ผมติดตามข่าวท่านเท่าๆ กับคนปกติ ไม่ได้ถึงขนาดโทรหาหรือติดต่ออะไรกัน แต่เวลาเห็นท่านในข่าวผมก็จะคิดถึงนะ อย่างลูกหลานก็ชอบเอาที่ท่านไลฟ์มาให้ดู เห็นแล้วผมก็คิดถึง เพราะจากคนที่อยู่ในรถด้วยกัน เช้ามาเจอกันทุกวัน แต่ตอนนี้อยู่คนละประเทศแล้ว ใจแป้วเหมือนกันครับ”
มีอะไรอยากบอก ‘ทักษิณ’ หรือไม่ ?
“ผมอยากขอบคุณ ที่ท่านดูแลผมมา ขอบคุณที่ท่านคิดถึง และถ้าท่านกลับมาเมืองไทย ผมจะไปกราบเท้าท่านนะ ผมดีใจที่สุดในชีวิตเลยที่ได้เจอท่าน” ลุงป๊อก ตอบกลับ
ถ้า ‘ทักษิณ’ กลับมาไทย แล้วอยากให้ ‘ลุงป๊อก’ ไปขับรถให้อีก ?
‘ลุงป๊อก’ ยิ้มกว้างและตอบว่า “ไปสิครับ จะรออะไรล่ะ”
ทั้งนี้คนใน ‘ครอบครัวทักษิณ’ มีความผูกพันกับ ‘ลุงป๊อก’ อย่างมาก สำหรับ ‘อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร’ เล่าว่า ‘ลุงป๊อก’ ทำหน้าที่ขับรถให้ครอบครัว มาตั้งแต่ก่อน ‘อุ๊งอิ๊ง’ เกิด เพราะตอนที่คุณแม่ (คุณหญิงพจมาน) จะคลอดตนเอง วันนั้น ‘ลุงป๊อก’ เป็นคนขับรถไปส่งที่โรงพยาบาล และสมัยเด็กๆ ก็หยอกล้อเล่นกับ ‘ลุงป๊อก’ ด้วย