‘วิลาศ จันทร์พิทักษ์’ อดีตสส.กทม. และอดีตประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.) การป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ(ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร นำสื่อมวลชนรัฐสภาตรวจสอบทางเดินเท้าที่ปูด้วยหินวิชิตาสีส้ม โดยรอบศาลาแก้วในลักษณะไม่มีฐานปูนรองรับแผ่นหินวิชิตาเกินกว่าครึ่ง คือแผ่นหินวิชิตา มีความกว้าง 60 เซนติเมตรคูณ 60 เซนติเมตร แต่สามารถสอดแท่งตะเกียบไม้เข้าไปใต้แผ่นหินวิชิตาได้มากกว่า 20 ซม.
โดยวิลาศ กล่าวว่า การทำงานโดยปูแผ่นหินที่คำนึงถึงความสวยงามเพียงอย่างเดียว แต่ไม่คำนึงถึงความปลอดภัย หากมีงานรัฐพิธี หรือพิธีต่างๆ ของสภาฯที่ต้องใช้สถานที่นี้ และมีการแขกมาร่วมงานจำนวนมาก เดินหรือยืนบนแผ่นหินอาจทำให้แผ่นหินรับน้ำหนักไม่ได้ และแตกหัก อาจเกิดอุบัติเหตุบาดเจ็บหรือสูญเสียได้ เพราะเป็นการปูครอบรางน้ำทิ้งครึ่งหนึ่ง และอีกครึ่งปูเข้าไปในพื้นที่ของศาลาแก้ว ซึ่งจะส่งเข้าประกวดรางวัลโนเบิลไพร์ซสาขาสิ่งมหัศจรรย์ของโลก โดยวิลาศได้นำไม้ตะเกียบยาว 20 เซนติเมตรสอดเข้าไปพร้อมมือใต้แผ่นหินให้สื่อมวลชนดูอีกด้วยย ทั้งนี้ การปูแผ่นหินดังกล่าวปูมาตั้งแต่ทางเดินเข้าศาลาแก้วทั้งริมด้านซ้ายและขวา รวมถึงโดยรอบศาลาแก้ว
นอกจากนี้วิลาศ ยังกล่าวชี้ให้เห็นถึงการทำผิดสัญญา ซึ่งสัญญาระบุไว้เป็นไม้สักเพื่อปูเป็นไม้กระดานพื้น ต้องเป็นไม้อบ มีความชื้นของเนื้อไม้ 16 เปอร์เซ็นต์ คือต้องเป็นไม้ที่อบแห้งแล้ว และต้องเคลือบน้ำมันเคลือบไม้เพื่อรักษาเนื้อไม้ เพื่อปูแล้วจะมีร่องระหว่างไม้ไม่เกิน 2 มิลลิเมตร แต่ที่เห็นทั้งพื้นศาลาที่เป็นไม้สัก มีเนื้อไม้หด แสดงว่าไม้ไม่ได้อบ มีช่องว่างระหว่างแผ่นไม้มากเกินไป ทั้งศาลาและพื้นไม้โดยรอบอาคารชั้นล่างทั้งหมด ต่างจากการปูพื้นไม้ก่อนเข้าห้องประชุมสภาฯ ชั้น2 ที่ได้มาตรฐานตรงตามสัญญา
วิลาศ กล่าวด้วยว่า ขณะเดียวกันยังมีการสร้างงาน หลังเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เซ็นรับมอบอาคารแล้วเสร็จ เป็นการแก้ปัญหาสุกเอาเผากิน เมื่อกรณีเกิดฝนตก ทางเชื่อมต่อระหว่างอาคารมีฝนสาด มีน้ำฝนทะลักเข้าตัวอาคาร บริเวณโถงห้องแถลงข่าวใกล้ศาลาแก้ว เขาใช้วิธีก่ออิฐโบกปูนยาวกว่า2เมตรพร้อมซีลยางกันน้ำเข้า ซ้ำยังปิดประตูตายล็อคกุญแจห้ามใช้ประตูดังกล่าวเป็นการถาวร และไม่ได้มีจุดนี้จุดเดียว แต่ยังมีด้านบนชั้นอื่นๆที่ทำในลักษณะนับ10ประตู
ทั้งนี้ ได้ยื่นร้องต่อ 'คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ' ( ป.ป.ช.) ก่อนที่เลขาสภาฯจะเซ็นรับมอบงานก่อสร้าง 100 เปอร์เซ็นต์ รวมแล้ว 36 เรื่อง เพื่อให้ตรวจสอบเรื่องส่อทุจริต ทำผิดสัญญา ทำให้รัฐเสียหาย และยื่นเรื่องให้ตรวจสอบหลังการเซ็นรับมอบงาน 100 เปอร์เซ็นต์อีก20เรื่อง คาดว่ายังมีเรื่องอื่นๆที่ตรวจพบ มีความเสียหายตีเป็นมูลค่าเกิน 10 ล้านบาท อีกอย่างน้อย 10 เรื่อง