วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา ว่า การอภิปรายเป็นไปตามแผนที่คาดหวัง ส่วนจะดีหรือไม่ดีอย่างไร เรารับฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์เพื่อนำไปปรับปรุงการทำงานในสภาฯ ต่อไป คนที่ประเมินได้ดีที่สุดคือประชาชน
พร้อมชี้แจงกรณีที่มีการนำไปเปรียบเทียบกับการอภิปรายของพรรคประชาธิปัตย์ในอดีตว่าสมัยนั้นมีข้อมูลลับออกมามากกว่า ว่า ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ มีอยู่ 3 กลุ่ม
กลุ่มหนึ่ง คือ เอาข้อมูลลับออกมา ซึ่งเราก็มี แต่เราถูกเบรกโดย พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่ 1 ในเรื่องไอโอกองทัพ ที่เราลงลึกถึงระดับปฏิบัติการ แม้แต่นายกรัฐมนตรี, รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง และ รมว.กลาโหม ยังไม่รู้ และตกเป็นเป้าหมายโจมตีด้วย
เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะสะท้อนว่ามี ‘กลุ่มองค์กรไอ้โม่ง’ ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาจากหน่วยงานใดตามรัฐธรรมนูญก่อการ ถึงขั้นวางเป้าหมายเป็นนายกฯ ที่เป็นหัวหน้ารัฐบาล ซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่ได้อภิปรายในสภาฯ
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร
กลุ่มที่สอง เป็นการเรียบเรียงข้อเท็จจริงและเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น พอเราเรียบเรียงจะเห็นถึงข้อสังเกตของข้อมูลที่ไม่เชื่อมโยงกันของเหตุการณ์แต่ละเหตุการณ์ ที่มันอยู่ในเรื่องเดียวกัน และตั้งเป็นคำถามเป็นข้อสงสัย เช่น กรณีชั้น 14 ของ รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน
กลุ่มสุดท้าย เป็นเรื่อง ‘จุดใต้ตำตอ’ เช่น “เรื่องการหลีกเลี่ยงภาษีหรือไม่? ของนายกรัฐมนตรี” เป็นข้อมูลจุดใต้ตำตอ ทุกคนสามารถเข้าไปดูบัญชีทรัพย์สินของนายกรัฐมนตรีได้อยู่แล้ว แต่เราเอามาวิเคราะห์ เอามาพิจารณาในรายละเอียด เทียบกับข้อกฎหมายต่างๆ ที่นายกรัฐมนตรีพึงปฏิบัติ แต่เราเชื่อว่าไม่ปฏิบัติ
วิโรจน์ เผยด้วยว่า วันพรุ่งนี้ (28 มี.ค.) เวลา 08.30 น. จะเดินทางไปที่กรมสรรพากร เนื่องจากขณะนี้มีเจ้าของกิจการหลายคนถามว่า “ใช้แพทองธารโมเดลได้หรือไม่?” ในกรณีการโอนหุ้นและตั๋วสัญญาใช้เงิน (Promissory Note: P/N)
แต่คนที่จะงอน แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คนแรก ผมคิดว่าน่าจะเป็น เศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี เพราะ เศรษฐา ก็เคยโอนหุ้นในลักษณะนี้ให้กับลูกสาว เช่นเดียวกัน
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร
ส่วนกรณีอธิบดีกรมสรรพากรที่ออกมาระบุว่า สามารถทำได้นั้น วิโรจน์มองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ตรงประเด็น เนื่องจากพูดถึงกันคนละกรณี ซึ่งสิ่งที่ทุกคนสงสัย คือการมีพฤติกรรมแบบนี้ คือการ “ติ๊งต่างทำเป็นซื้อ” หรือไม่?
วิโรจน์ กล่าวด้วยว่า เนื่องจากกรณีที่ตั๋วนี้ไม่มีการระบุว่า จะจ่ายวันไหน แต่เมื่อไปถาม แพทองธาร ก็บอกว่าจะจ่ายปีหน้า และการที่ดอกเบี้ยไม่มีนั้นก็เหมือนเป็นการแลก และหากไม่มีตรงนี้ ก็คือการให้ที่ชัดเจน เพราะเป็นการเปลี่ยนมือจากคนอื่นมาอยู่ที่ แพทองธาร แต่ แพทองธารไม่ได้จ่ายสักบาท ซึ่งหากถือว่าเป็นการให้ ก็ต้องไปจ่ายภาษีการรับให้อีกอยู่ดี จึงทำให้สงสัยว่าเป็น “นิติกรรมอำพราง” หรือไม่?
ผมมองว่านี่คือช่องว่างทางกฎหมาย หากจะบอกว่าเป็นเรื่องที่ถูกกฎหมายใครก็ทำกัน ผมก็ไม่เห็นว่ามีใครจะแสดงตัวในเรื่องนี้ มีแต่การทำแบบหลบๆ ซ่อนๆ กันทุกคน และยิ่งหากมีการทำกันเยอะ ก็จะส่งผลเสียต่อสาธารณะ
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร
ขอสืบเช็กรายละเอียดปม ‘แชทซื้องูเห่า’
ส่วนกรณีที่กฤช ศิลปชัย สส.ระยอง พรรคประชาชน ออกมาระบุว่ามีพรรคการเมืองหนึ่งเสนอเงินหลายล้านบาท เพื่อแลกกับการลงมติไว้วางใจนายกรัฐมนตรี
ประเด็นนี้ วิโรจน์ ชี้แจงว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบรายละเอียดที่แน่ชัด และต้องตรวจสอบที่มาที่ไปก่อน จะให้ปกป้องโดยทันทีไม่ได้
ต่อให้ผมออกมาปกป้องเอง ประชาชนก็ไม่เชื่ออยู่ดี ผมมองว่าแชทที่เข้ามานั้น คงเป็นแชทที่เข้ามาจริง แต่วัตถุประสงค์หรือข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร? มีความประสงค์ที่จะดำเนินการอย่างนั้นหรือไม่? ก็ต้องตรวจสอบในรายละเอียด
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร
เมื่อถูกถามว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ที่พรรคการเมืองใหญ่จะเป็นฝ่ายซื้อเสียง? วิโรจน์ตอบว่า ก่อนที่เราจะจินตนาการ ผมต้องขอตรวจสอบรายละเอียดก่อน ว่าพรรคการเมืองพรรคนั้น มีการทำร่วมกับพรรคการเมืองใดบ้าง ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นการกล่าวหา และมีการโต้กันไปกันมา โดยไม่ได้อยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริง
เมื่อถามว่าหากเรื่องนี้เป็นความจริง จะมีเหตุผลอะไรที่ต้องซื้อเสียง? วิโรจน์กล่าวว่า ขอยังไม่กล่าวหาไปที่ใคร เพราะเหตุผลที่ยกมา ก็ต้องมานั่งพิจารณาด้วยว่า มีความจำเป็นหรือตกลงแล้วมีแรงจูงใจอะไร ต้องการสร้างกระแสเท่านั้นหรือไม่ ต้องการสร้างความปั่นป่วนทางการเมืองหรือไม่ หรือมีแรงจูงใจที่ต้องการซื้อเสียงกันจริงๆ
คงต้องมานั่งคุยกัน ก่อนที่จะไปกล่าวหาพรรคการเมืองนั้นนี้ ขออย่าเพิ่งไปเชื่อมโยงตามจินตนาการเลย เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร
เมื่อถูกถามว่ามองว่าเรื่องนี้เป็นความพยายามดิสเครดิตพรรคประชาชนหรือไม่? วิโรจน์กล่าวว่า ยังไม่คิดอย่างนั้น ขอเอาข้อเท็จจริงเป็นหลักก่อน เพราะหากอยู่ๆ เกิดขึ้น โดยไม่มี สส.ของเราไปเกี่ยวยุ่ง ก็อาจจะรับสันนิษฐานไปในทางนั้น แต่ในข้อเท็จจริง ก็ปรากฏแชทของ สส.จริงๆ จึงต้องดูว่าวัตถุประสงค์ของคนที่แชทคุยกับ สส.ของพวกเราคืออะไร
ขอเวลาให้พวกเราก่อน อย่าเพิ่งไปพาดพิงฝ่ายรัฐบาล ผมยังไม่อยากไปกล่าวหาใคร เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร