‘วิษณุ’ ยันไม่ฟอกขาว ‘ต่อ’ รับคำสั่งปลด ‘โจ๊ก’ ไม่ถูกต้อง!

20 มิ.ย. 2567 - 08:14

  • ‘วิษณุ’ เปิดผลสอบส่ง ‘บิ๊กต่อ’ นั่ง ผบ.ตร. ‘บิ๊กโจ๊ก’ ยังสุญญากาศ แม้คำสั่งปลดมิชอบ ปัดตอบใครต้องรับผิดชอบ

  • ยันไม่ได้ฟอกขาว ‘ต่อ’ โยนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเอาผิด ยันเรื่องนี้ไม่ใช่เเค่ตำรวจขัดแย้งกัน แต่มีคนทำผิดกฎหมาย

wisanu-torsak-suracheat-police-20-june-2024-part2-SPACEBAR-Hero.jpg

‘วิษณุ’ เปิดผลสอบส่ง ‘บิ๊กต่อ’ นั่ง ผบ.ตร. ‘บิ๊กโจ๊ก’ ยังสุญญากาศ แม้คำสั่งปลดมิชอบ ปัดตอบใครต้องรับผิดชอบ บอกให้ ‘สตช.’ กลับไปทำเรื่องปลดให้ถูกต้อง ยันไม่ได้ฟอกขาว ‘ต่อ’ โยนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเอาผิด ยันเรื่องนี้ไม่ใช่เเค่ตำรวจขัดแย้งกัน แต่มีคนทำผิดกฎหมาย 

วันนี้ (20 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล ‘วิษณุ เครืองาม’ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี แถลงผลสอบของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีเป็นข่าวสาธารณะเกี่ยวกับความขัดแย้งในเรื่องคดีของบุคคลในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มี ‘ฉัตรชัย พรหมเลิศ’ เป็นประธานฯ

โดยผลการตรวจสอบพบว่ามีความขัดแย้งและความไม่เรียบร้อยเกิดขึ้นในสำนักงานตำรวจแห่งชาติจริง ตั้งแต่ตำรวจชั้นผู้น้อยจนถึงระดับสูงในทุกฝ่าย โดยความขัดแย้งที่เกิดขึ้นมาจาก พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ที่มีปัญหากันมานานเช่น คดีกำนันนก , คดีเป้รักผู้การฯ , คดีเว็บพนันมินนี่ , คดีเว็บพนัน BNK MASTER และคดีอื่นๆ กว่า 10 คดี ซึ่งคดีทั้งหมดกระจายตามสถานีตำรวจต่างๆ บางเรื่องอยู่ในศาล องค์กรอิสระ เช่น ป.ป.ช. และหน่วยงานยุติธรรม ซึ่งคดีในส่วนนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะรับผิดชอบไปดำเนินการต่อ เนื่องจาก คกก. ชุดนี้ ไม่มีอำนาจชี้ว่าใครถูกหรือผิด

wisanu-torsak-suracheat-police-20-june-2024-part2-SPACEBAR-Photo01.jpg

นอกจากนี้ ยังพบว่ามีปัญหาเรื่องอำนาจในการสอบสวนที่มีความทับซ้อนกันระหว่าง ตำรวจ , DSI องค์กรอิสระ เช่น ป.ป.ช.  โดยเฉพาะคดีทุจริต โดย คกก. ชุดนี้ มีข้อเสนอแนะว่าให้กระทรวงยุติธรรมและคณะกรรมการกฤษฎีกา ไปหารือกันเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ว่าหากเกิดกรณีลักษณะนี้ขึ้นใครจะมีอำนาจในการตรวจสอบ เพราะหากทำไปโดยไม่มีอำนาจตรวจสอบอาจส่งผลให้มีการยกฟ้องและเอาผิดไม่ได้

ดังนั้น คกก. จึงเห็นควรส่ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กลับไปปฏิบัติราชการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในตำแหน่งเดิม เพราะไม่มีอะไรสอบสวนแล้ว ส่วนคดีจะเป็นอย่างไรให้ดำเนินการตามสายงาน หรือจะมีการตั้งคณะกรรมการสอบวินัยเพิ่มเติมหรือไม่ให้เป็นเรื่องของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ส่วน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ถูกสั่งให้มาช่วยราชการที่สำนักนายกฯ เมื่อวันที่ 20 มี.ค.67 และต่อมาได้ถูกส่งกลับไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 18 เม.ย.67 ก่อนจะมีการตั้ง คกก.สอบ และมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนในวันเดียวกัน ยังไม่มีคำสั่งให้กลับไปทำหน้าที่เดิม นอกจากนี้ในรายงานยังระบุว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีส่วนพัวพันกับคดีผิดกฎหมาย

‘วิษณุ’ อธิบายเพิ่มเติมว่า สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจะมีมติเป็นเอกฉันท์ 10 : 0 ว่าคำสั่งดังกล่าวไม่ถูกต้องและไม่เป็นธรรม เพราะ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ระบุว่า การออกคำสั่งให้ออกราชการไว้ก่อนต้องทำโดยคำแนะนำของคณะกรรมการสอบสวน แต่คำสั่งที่ออกมาเมื่อวันที่ 18 เม.ย.67 ไม่ได้ทำตามขั้นตอนนี้ จึงให้ทางตำรวจกลับไปทำเรื่องให้ถูกต้องก่อน 

โดย ‘วิษณุ’ สรุปสถานภาพของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ว่า ขณะนี้ถือว่ายังอยู่ระหว่างการรอนำความกราบบังคมทูลฯ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ต้องตรวจสอบว่าทำถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ขณะที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้ยื่นเรื่องขอความเป็นธรรมกับคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.ตร.) ไว้แล้ว

หมายความว่าแม้คำสั่งจะไม่ถูกต้อง แต่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังกลับเข้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ได้ ส่วนจะต้องมีใครรับผิดชอบกับการออกและรับรองคำสั่งดังกล่าวหรือไม่ ‘วิษณุ’ เลี่ยงตอบว่าใครต้องรับผิดชอบ โดยอธิบายว่า ต้องไปดูว่ามีเจตนาทำคำสั่งมิชอบหรือไม่ ตอนนี้ไม่สามารถตอบได้ พร้อมยกเหตุผลว่าที่ผ่านๆ มา การให้ออกจากราชการไว้ก่อน เป็นการอ้างอิงกฎหมายเดิม คือให้ออกไว้ก่อนได้เลย โดยไม่ต้องรอผลของคณะกรรมการฯ 

เมื่อถามว่าการที่ออกคำสั่งย้าย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ก่อนออกคำสั่งตั้ง คกก.สอบ และคำสั่งปลดตามมาในวันเดียวกัน ถือว่าเป็นการกลั้นแกล้งหรือไม่ ‘วิษณุ’ ตอบว่า คงพูดแบบนั้นไม่ได้ แต่ยอมรับว่าเป็นเรื่องผิดปกติ

‘วิษณุ’ ยืนยันว่า การส่งตัว พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กลับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ใช่การฟอกขาว และยอมรับว่าคงไม่ทำให้ความขัดแย้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้สิ้นสุดลงได้ แต่เชื่อว่าคำกำชับของนายกฯ ที่ขอให้ปรองดองในการปฏิบัติหน้าที่ร่วมกันน่าจะเป็นไปได้ พร้อมย้ำว่าการตรวจสอบครั้งนี้ไม่ใช่การเกี๊ยะเซี้ย และไม่ใช่แค่เรื่องความขัดแย้ง แต่เป็นเรื่องที่มีตำรวจกระทำผิดกฎหมาย และท้ายสุดเชื่อว่าตำรวจที่กระทำผิดจะต้องรับโทษตามกฎหมาย

ส่วนเหตุใดนายกฯ ถึงมอบหมายให้ ‘วิษณุ’ เป็นผู้แถลงข่าว ‘วิษณุ’ อธิบายว่า เป็นเพราะตัวเองเป็นประธานคณะกรรมการกฤษฎีกา ชุดที่ 2 ที่พิจารณาเรื่องคำสั่งปลด พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และเรื่องนี้เป็นเรื่องกฎหมายสำคัญ แม้ตัวเองจะไม่ได้รับผิดชอบคดีนี้ แต่ นายกฯ เห็นว่าในส่วนของการถามตอบอาจมีบางคำถามที่ซับซ้อนในข้อกฎหมายจึงมอบหมายให้ผมเป็นผู้แถลง

ส่วนที่มีเอกสารคำสั่งนายกฯ หลุดออกไป ‘วิษณุ’ ตอบว่า หลุดไปได้อย่างไรไม่ทราบ เพราะในเวลานี้ที่นั่งแถลงอยู่ นายกฯ ยังไม่ได้เซ็นคำสั่งให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กลับไปปฏิบัติราชการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

เมื่อถามว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะมีโอกาสกลับไปเป็นแคนดิเดตชิงตำแหน่ง ผบ.ตร. หรือไม่ ‘วิษณุ’ ยอมรับว่า มีโอกาส แต่ไม่มีกรอบเวลาในการตรวจสอบ เพราะในกฎหมายตำรวจเองนั้นก็ระบุชัดเจนว่า จะไม่เอาเหตุผลนี้ มาเป็นเหตุสกัดกั้นการดำรงตำแหน่งหรือเลื่อนตำแหน่งของบุคคล ที่กฎหมายระบุไว้

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์