วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงประเด็นที่มีการวิพากษ์วิจารณ์คุณสมบัติของ พิชิต ชื่นบาน แคนดิเดตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หลังเคยถูกจำคุก 6 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ฐานละเมิดอำนาจศาล สืบเนื่องจากกรณีอื้อฉาวที่นำถุงขนมใส่เงินสด 2 ล้านบาท ไปมอบให้เจ้าหน้าที่ธุรการ ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ระหว่างการพิจารณาคดีที่ดินรัชดาฯ ที่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย
โดย วิษณุ ระบุว่า ถ้าเป็นไปตามสื่อฯ ไม่ทราบว่า พิชิต จะเป็นแคนดิเดตรัฐมนตรีหรือไม่ เพราะเลขาคณะรัฐมนตรียังไม่ได้มีการรายงาน แต่หากเป็นกรณีเรื่องขาดคุณสมบัติ พิชิต ได้รับรายงานว่า ข้อกล่าวหาตอนแรกเรื่องทุจริตนั้นมี แต่สุดท้าย อัยการสั่งไม่ฟ้อง และที่ลงโทษไปนั้น เป็นเรื่องละเมิดอำนาจศาล ที่สำคัญ ผ่านมาเกิน 10 ปีแล้ว เพราะคดีเกิดตั้งแต่ช่วงปี 2552-2553 จึงไม่เข้าลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 และ 160 แต่หากถูกจำคุกและพ้นโทษไม่ถึง 10 ปี ก็เป็นไม่ได้
เมื่อถามว่า การละเมิดอำนาจศาล ถือเป็นคำพิพากษาหรือเป็นคำสั่งของศาล วิษณุ กล่าวว่า เป็นคำสั่ง เมื่อถามย้ำว่า ถ้าเป็นคำสั่ง สามารถนำมาใช้ในรัฐธรรมนูญมาตรา 98 และ 160 ได้หรือไม่ วิษณุ กล่าวว่า ไม่อยากตอบ เพราะเป็นปัญหาใหม่อีกข้อหนึ่ง และโดยทั่วไปไม่ถือเป็นโทษอาญา ส่วนคดีเรื่องจริยธรรม สามารถดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีได้หรือไม่นั้น วิษณุ กล่าวว่า ถือเป็นอีกประเด็นหนึ่ง เพราะหากจะตั้งข้อสังเกตเรื่องจริยธรรมก็สามารถตั้งได้กับทุกคน และจะหนักเบามากน้อยก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เมื่อถามว่า หน่วยงานใดควรจะเป็นผู้ชี้ขาดเรื่องจริยธรรม วิษณุ กล่าวว่า สภาฯ ต้องพิจารณา และส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้ชี้ขาด เพราะเป็นเรื่องคุณธรรม จริยธรรม
“คนอื่นจะไปชี้ หรือเลขาธิการ ครม. จะไปชี้บกพร่องมิได้ และบางทีก็กล่าวหากันไป ก็ไม่เห็นมีใครเอาเรื่องอะไร เพราะถ้าจะดำเนินการก็มีขั้นตอนของมัน และก่อนหน้านี้ คนที่เคยถอนเรื่องคุณสมบัติจริยธรรมก็เคยมีมาแล้ว” วิษณุ ระบุ
เมื่อถามว่า คุณสมบัติ 50 : 50 สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) จะปล่อยไปก่อนได้หรือไม่ วิษณุ ระบุว่า ปล่อยหมด เพราะถ้าเป็นเรื่องจริยธรรมเขาไม่กล้าไปชี้ เมื่อถามย้ำถึงประเด็นข้อกฎหมาย สำนักเลขาฯ ครม. ควรจะต้องปล่อยไปก่อนได้หรือไม่ วิษณุ กล่าวว่า สลค. ก็จะรายงานให้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ทราบ แล้วก็ตัดสินใจเอง ด้วยการไปคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลต่างๆ
“ในอดีต เราเคยทวงขึ้นไป จะเป็นปัญหานะ จัดเป็นพวกหนึ่ง และเป็นปัญหาอีกแน่ๆ อีกพวกหนึ่ง ส่วนใหญ่เขาก็ฟัง แล้วก็เปลี่ยน แต่อาจจะเป็นปัญหา บางทีเขาก็เสนอตั้ง อยู่ๆ ก็ไม่เป็นปัญหา เพราะไม่มีใครยกขึ้นหรืออาจจะไม่รู้ก็ได้” วิษณุ ระบุ
เมื่อถามว่า สามารถตัดตอนตั้งแต่ก่อนขั้นตอนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ได้หรือไม่ วิษณุ กล่าวว่า เป็นเรื่องของหัวหน้าพรรค ถ้าหากเห็นว่ายุ่งและไม่อยากไปตายเอาดาบหน้า ก็ควรถอนเสียก่อนตั้งแต่ตอนนี้ ซึ่งก็แล้วแต่ ส่วนกรณีที่ พิชิต ถูกสภาทนายความ เพิกถอนใบอนุญาตทนายความ จะถือว่าผิดเรื่องจริยธรรมหรือไม่นั้น วิษณุ มองว่า เรื่องการถอนมันมรรยาททนายความ ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
“ผมไปนั่งตำแหน่งรักษาการรัฐมนตรียุติธรรม สั่งเรื่องมรรยาททนายความทุกวัน ก็แค่ถอน เหมือนถอนใบอนุญาตแพทย์ หรือใบประกอบโรคศิลปะ และเมื่อเลยระยะเวลาเพิกถอนไปแล้วก็สามารถไปยื่นขอใหม่ได้” วิษณุ ระบุ
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังถามถึงประเด็นการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษของ ทักษิณ ซึ่ง วิษณุ ก็ชี้แจงว่า ขณะนี้เรื่องยังมาไม่ถึง จึงยังไม่อยากตอบอะไร
“เขาอาจจะยื่นแล้วก็ได้ แต่ยังมาไม่ถึงรัฐบาล ผมก็เห็นใจว่าถ้ายื่นแล้ว กระทรวงยุติธรรมก็ต้องตรวจสอบอะไรหลายๆ อย่าง โดยเฉพาะหลักฐานทางการแพทย์ ซึ่งตอนนี้ เอกสารที่มีอยู่หนาเป็นปึกเลย และเป็นภาษาอังกฤษทั้งนั้น ก็ต้องไปเดือดร้อนที่จะต้องแปลกันอีก ดังนั้น ต้องให้เวลาเขาหน่อย” วิษณุ ระบุ
วิษณุ กล่าวด้วยว่า กระทรวงฯ จะต้องแนบเอกสารทางการแพทย์เหล่านี้ โดยเมื่อกระทรวงยุติธรรมพิจารณาเสร็จแล้ว จึงจะส่งมาที่รัฐบาล
โดย วิษณุ ระบุว่า ถ้าเป็นไปตามสื่อฯ ไม่ทราบว่า พิชิต จะเป็นแคนดิเดตรัฐมนตรีหรือไม่ เพราะเลขาคณะรัฐมนตรียังไม่ได้มีการรายงาน แต่หากเป็นกรณีเรื่องขาดคุณสมบัติ พิชิต ได้รับรายงานว่า ข้อกล่าวหาตอนแรกเรื่องทุจริตนั้นมี แต่สุดท้าย อัยการสั่งไม่ฟ้อง และที่ลงโทษไปนั้น เป็นเรื่องละเมิดอำนาจศาล ที่สำคัญ ผ่านมาเกิน 10 ปีแล้ว เพราะคดีเกิดตั้งแต่ช่วงปี 2552-2553 จึงไม่เข้าลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 และ 160 แต่หากถูกจำคุกและพ้นโทษไม่ถึง 10 ปี ก็เป็นไม่ได้
เมื่อถามว่า การละเมิดอำนาจศาล ถือเป็นคำพิพากษาหรือเป็นคำสั่งของศาล วิษณุ กล่าวว่า เป็นคำสั่ง เมื่อถามย้ำว่า ถ้าเป็นคำสั่ง สามารถนำมาใช้ในรัฐธรรมนูญมาตรา 98 และ 160 ได้หรือไม่ วิษณุ กล่าวว่า ไม่อยากตอบ เพราะเป็นปัญหาใหม่อีกข้อหนึ่ง และโดยทั่วไปไม่ถือเป็นโทษอาญา ส่วนคดีเรื่องจริยธรรม สามารถดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีได้หรือไม่นั้น วิษณุ กล่าวว่า ถือเป็นอีกประเด็นหนึ่ง เพราะหากจะตั้งข้อสังเกตเรื่องจริยธรรมก็สามารถตั้งได้กับทุกคน และจะหนักเบามากน้อยก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เมื่อถามว่า หน่วยงานใดควรจะเป็นผู้ชี้ขาดเรื่องจริยธรรม วิษณุ กล่าวว่า สภาฯ ต้องพิจารณา และส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้ชี้ขาด เพราะเป็นเรื่องคุณธรรม จริยธรรม
“คนอื่นจะไปชี้ หรือเลขาธิการ ครม. จะไปชี้บกพร่องมิได้ และบางทีก็กล่าวหากันไป ก็ไม่เห็นมีใครเอาเรื่องอะไร เพราะถ้าจะดำเนินการก็มีขั้นตอนของมัน และก่อนหน้านี้ คนที่เคยถอนเรื่องคุณสมบัติจริยธรรมก็เคยมีมาแล้ว” วิษณุ ระบุ
เมื่อถามว่า คุณสมบัติ 50 : 50 สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) จะปล่อยไปก่อนได้หรือไม่ วิษณุ ระบุว่า ปล่อยหมด เพราะถ้าเป็นเรื่องจริยธรรมเขาไม่กล้าไปชี้ เมื่อถามย้ำถึงประเด็นข้อกฎหมาย สำนักเลขาฯ ครม. ควรจะต้องปล่อยไปก่อนได้หรือไม่ วิษณุ กล่าวว่า สลค. ก็จะรายงานให้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ทราบ แล้วก็ตัดสินใจเอง ด้วยการไปคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลต่างๆ
“ในอดีต เราเคยทวงขึ้นไป จะเป็นปัญหานะ จัดเป็นพวกหนึ่ง และเป็นปัญหาอีกแน่ๆ อีกพวกหนึ่ง ส่วนใหญ่เขาก็ฟัง แล้วก็เปลี่ยน แต่อาจจะเป็นปัญหา บางทีเขาก็เสนอตั้ง อยู่ๆ ก็ไม่เป็นปัญหา เพราะไม่มีใครยกขึ้นหรืออาจจะไม่รู้ก็ได้” วิษณุ ระบุ
เมื่อถามว่า สามารถตัดตอนตั้งแต่ก่อนขั้นตอนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ได้หรือไม่ วิษณุ กล่าวว่า เป็นเรื่องของหัวหน้าพรรค ถ้าหากเห็นว่ายุ่งและไม่อยากไปตายเอาดาบหน้า ก็ควรถอนเสียก่อนตั้งแต่ตอนนี้ ซึ่งก็แล้วแต่ ส่วนกรณีที่ พิชิต ถูกสภาทนายความ เพิกถอนใบอนุญาตทนายความ จะถือว่าผิดเรื่องจริยธรรมหรือไม่นั้น วิษณุ มองว่า เรื่องการถอนมันมรรยาททนายความ ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
“ผมไปนั่งตำแหน่งรักษาการรัฐมนตรียุติธรรม สั่งเรื่องมรรยาททนายความทุกวัน ก็แค่ถอน เหมือนถอนใบอนุญาตแพทย์ หรือใบประกอบโรคศิลปะ และเมื่อเลยระยะเวลาเพิกถอนไปแล้วก็สามารถไปยื่นขอใหม่ได้” วิษณุ ระบุ
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังถามถึงประเด็นการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษของ ทักษิณ ซึ่ง วิษณุ ก็ชี้แจงว่า ขณะนี้เรื่องยังมาไม่ถึง จึงยังไม่อยากตอบอะไร
“เขาอาจจะยื่นแล้วก็ได้ แต่ยังมาไม่ถึงรัฐบาล ผมก็เห็นใจว่าถ้ายื่นแล้ว กระทรวงยุติธรรมก็ต้องตรวจสอบอะไรหลายๆ อย่าง โดยเฉพาะหลักฐานทางการแพทย์ ซึ่งตอนนี้ เอกสารที่มีอยู่หนาเป็นปึกเลย และเป็นภาษาอังกฤษทั้งนั้น ก็ต้องไปเดือดร้อนที่จะต้องแปลกันอีก ดังนั้น ต้องให้เวลาเขาหน่อย” วิษณุ ระบุ
วิษณุ กล่าวด้วยว่า กระทรวงฯ จะต้องแนบเอกสารทางการแพทย์เหล่านี้ โดยเมื่อกระทรวงยุติธรรมพิจารณาเสร็จแล้ว จึงจะส่งมาที่รัฐบาล
