พ.ต.อ.อภิศักดิ์ โชติกเสถียร ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรปากเกร็ด เปิดเผยว่า ตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบรายละเอียดในเอกสารหลักฐานที่ ทวีวัฒน์ เส้งแก้ว นำมาแสดง เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นเจ้าของเงินที่แท้จริงหรือไม่ รวมถึงต้องตรวจสอบเส้นทางการเงิน ได้ประสานกับธนาคารแล้ว คาดว่าจะทราบผลภายใน 3 วัน สำหรับเงินจำนวน 12 ล้านบาทตำรวจได้เก็บไว้ในห้องขังที่ สภ.ปากเกร็ด ส่วนกล่องพลาสติกสีเทาที่เก็บเงิน ได้ส่งให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานนำไปตรวจสอบหาลายนิ้วมือแฝงแล้ว
ก่อนหน้านี้ ทวีวัฒน์ เส้งแก้ว ทนายความ ได้แสดงตัวเป็นเจ้าของเงินจำนวน 12 ล้านบาท ที่ถูกพบอยู่ภายในกล่องพลาสติกสีเทา บริเวณคอนโดเมืองทองธานี ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ปากเกร็ด เพื่อให้ข้อมูลนานกว่า 3 ชั่วโมง
ทวีวัฒน์ ให้การว่า เงินจำนวนนี้ดังกล่าวเป็นของตัวเองตั้งแต่สมัยเป็นทนายความ และเป็นเงินเก็บส่วนตัว สาเหตุที่เงินนี้ไปอยู่ในจุดทิ้งขยะ เนื่องจากเขาตั้งใจจะนำสิ่งของที่เสียหายจากน้ำรั่วภายในห้องไปทิ้ง ซึ่งเงินเก็บอยู่ในกล่องพลาสติก และในจุดที่มีคนพบกล่องใส่เงิน มีหนังสือรับรองการหักภาษีของ กสทช. และซองจดหมาย ที่มีชื่อ กสทช. อยู่บนซองด้วย
ทวีวัฒน์ ให้เหตุผลที่เลือกเก็บเงินสดไว้ในลัง แทนที่จะเป็นตู้เซฟว่า เพราะใช้ตู้เซฟใส่ เอกสาร และกลัวโจรจะมายกตู้เซฟไป จึงใส่ในลังที่ไม่มีใครสังเกต และยืนยันว่า เป็นเงินของตัวเอง ไม่กังวลเรื่องเส้นทางการเงิน เนื่องจากเบิกถอนมาจากธนาคาร
ส่วนเอกสารภาษีที่ระบุหน่วยงาน กสทช. มีหลักฐานว่า ทวีวัฒน์ มีตำแหน่งเป็นอนุกรรมการ และที่ปรึกษาใน กสทช. มาตั้งแต่ก่อนปี 2560 และเป็นที่ปรึกษา ต่อพงษ์ เสลานนท์ กสทช. ด้านการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของประชาชน
ด้าน ภคมน หนุนอนันต์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ตั้งข้อสังเกตถึงกรณีดังกล่าวว่า เงิน 12 ล้าน กับเอกสาร กสทช. เรื่องบังเอิญ ใช่หรือไม่ พร้อมระบุว่า ข่าวล่าสุด กสทช. รีบออกมาบอกว่า ทวีวัฒน์ ไม่ใช่พนักงานของ กสทช. ก็ถูกต้อง เพราะไม่มีสื่อหัวไหนระบุว่า เป็นพนักงาน แต่สื่อบอกชัดว่า เป็นหน้าห้องกรรมการ และชัดยิ่งกว่านั้น ทวีวัฒน์คือ ที่ปรึกษา ของกรรมการ กสทช.คนหนึ่ง ที่มีบทบาทชี้ขาดในมติสำคัญอย่างการควบรวมทรู–ดีแทค
ภคมน ระบุอีกว่า ย้อนกลับไปเมื่อ 20 ตุลาคม 2565 กรรมการ กสทช.คนนี้เป็นหนึ่งในเสียงที่ลงมติว่า กสทช.มีอำนาจแค่ ‘รับทราบ’ การควบรวมทรู–ดีแทค ไม่ใช่ ‘อนุญาตหรือไม่อนุญาต’ ท่าทีแบบนี้คือการตีความที่ลดอำนาจตนเอง เปิดทางให้ดีลควบรวมขนาดใหญ่ผ่านฉลุย และทวีวัฒน์ที่ปรึกษาคนสนิทของกรรมการผู้นั้นก็เป็นเสียงข้างน้อยในอนุกรรมการ ที่มีความเห็นไปในแนวเดียวกันว่า กสทช.แค่รับทราบ ไม่มีสิทธิอนุญาต (เอกสารการประชุมปี 65)
“บังเอิญไหม ชวนตั้งคำถามว่าเงินสด 12 ล้านบาท โผล่มาพร้อม เอกสารราชการ กสทช. ใบหักภาษี ณ ที่จ่าย เบี้ยประชุมอนุกรรมการกสทช.ออกมาบอกว่า เป็นเงินคนละเรื่องกับเอกสาร แต่มันจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญได้อย่างไร ที่ใบหักภาษีของที่ปรึกษา กสทช. ไปอยู่ในลังเดียวกับเงินสด 12 ล้าน มันไม่ใช่ถุงกล้วยแขกที่ใครจะโยนเอกสารหล่นใส่กันง่ายๆ”
— ภคมน กล่าว
ภคมน กล่าวว่า นี่คือปัญหาระดับโครงสร้างขององค์กรกำกับสื่อสารที่ควรเป็นอิสระ แต่กลับมีกลไกเงาแทรกซึมในทุกชั้น คนที่นั่งในบอร์ดอนุกรรมการล้วนถูกส่งมาโดยบอร์ดใหญ่และทวีวัฒน์ ก็อยู่ในอนุกรรมการสำคัญหลายชุด และอย่าลืมวันที่ 29 มิถุนายนนี้ มีการประมูลคลื่นความถี่รอบใหม่ ผู้เล่นก็หน้าเดิม เจ้าเดิม มีแค่ทรู กับเอไอเอส ยื่นซอง รายอื่นไม่ได้แข่งกับเขา
“เรื่องนี้ กสทช.มีหน้าที่ชี้แจง แต่สังคมจะเชื่อหรือเปล่า นั่นอีกเรื่อง เรื่องกสทช.มีอีกเพียบและเป็นเรื่องบังเอิญที่วันนี้ดิฉันได้รับ เอกสารเรื่องราวต่างๆ ของกสทช.ที่น่าติดตามหลายเรื่อง บังเอิญแหละ”
— ภคมน กล่าว