ภายหลังจากที่ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมเยือนสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต และเป็นประธานเปิดโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการด้านการบริหารราชการระหว่างภูมิภาคและท้องถิ่น เพื่อบูรณาการขับเคลื่อนการพัฒนาจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568
ผู้สื่อข่าวได้ถาม อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ถึงการลงพื้นที่ครั้งนี้ว่าจะทำให้ภาพลักษณ์ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทยมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นหรือไม่?
อนุทิน กล่าวว่า แพทองธารมาในฐานะนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีความตั้งใจจะมาพบผู้ว่าราชการจังหวัด และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) ทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งในแต่ละปีไม่ได้มีโอกาสแบบนี้บ่อยนัก ที่จะรวมผู้คนที่ใกล้ชิดกับพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ แต่นายกฯ ก็เสียสละเวลามามอบนโยบายและสร้างความคุ้นเคย อีกทั้งการที่นายกฯ มาวันนี้ สิ่งที่นายก อบจ. ส่วนใหญ่รู้สึกสบายใจคือ นายกฯ บอกว่าเวลาไปจังหวัดไหน ขอให้ผู้ว่าฯ และนายก อบจ. จัดเวลามาพบกับท่าน ซึ่งท่านจะมีเวลาให้ ตรงนี้เป็นสิ่งใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้น
นายกฯ ไปจังหวัดไหนๆ ทั่วประเทศ แล้วผู้ว่าฯ กับนายก อบจ.ซึ่งถือว่าเป็นผู้บริหารจังหวัดนั้นๆ มาพบ มาเล่าให้นายกฯ ฟังว่ามีปัญหาหรือมีความสำเร็จอะไรบ้าง ต้องการได้รับความสนับสนุนอะไรบ้างจากนายกฯ ถือเป็นการสื่อสารโดยตรง ก็จะเกิดความรวดเร็ว และความสะดวกในหลายมิติ
— อนุทิน ชาญวีรกูล
เมื่อถามว่า การเจอกันในวันนี้จะเป็นการประสานรอยร้าวหรือไม่? อนุทิน กล่าวว่า “มองทุกอย่างให้เป็นสิ่งที่ดี วันนี้เรามีอะไรเยอะแยะ เราต้องมองอะไรให้เป็นบวก เพื่อที่ทุกคนจะได้มีกำลังใจและกลับทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้กับส่วนรวม”
“ให้หมดใจอยู่แล้ว ท่านน่ารักจะตาย”
อนุทิน ยังให้สัมภาษณ์ถึงการบูรณาการทำงานร่วมกันระหว่างท้องถิ่นกับผู้ว่าราชการจังหวัด ว่า มีความสำคัญมาก เพราะนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) มาจากการเลือกตั้ง เป็นตัวแทนพี่น้องประชาชนที่จะมาทำงาน ส่วนผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นตัวแทนของรัฐบาลในการลงไปบริหารจัดการจังหวัด หากสองฝ่ายนี้ทำงานร่วมกันได้ด้วยความเข้าใจ ความสามัคคี และมีเป้าหมายร่วมกัน จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศและประชาชน ซึ่งจะเป็นแรงบวกมหาศาล
ที่ผ่านมา การเลือกตั้งนายก อบจ.ทั่วประเทศ เพิ่งมีการรับรองกันไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนอย่างยิ่งที่จะทำให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายก อบจ.ที่เพิ่งได้รับการรับรองเข้ามา ได้ผูกความสามัคคีกันเพื่อรับใช้ประชาชน จึงเป็นที่มาของการสัมมนาร่วมกันในวันนี้
— อนุทิน ชาญวีรกูล
เมื่อถามว่าการเลือกพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์มีความสำคัญอย่างไร? อนุทิน กล่าวว่า จังหวัดบุรีรัมย์เป็นจังหวัดหนึ่งที่สามารถพัฒนาเมืองจากเมืองผ่านไปเป็นเมืองหลักได้ อย่างน้อยแต่ละจังหวัดอาจมีพื้นฐานไม่เหมือนกัน แต่โครงสร้างในการพัฒนาเมืองอาจใช้จังหวัดบุรีรัมย์เป็นโมเดลตั้งต้น แล้วนำไปประยุกต์เพิ่มเติมต่อยอด ใส่อัตลักษณ์ของแต่ละจังหวัดเพื่อพัฒนาต่อไป ให้ทุกคนเห็นว่าจังหวัดที่เคย “ตำน้ำกิน กินน้ำตำ” ยังสามารถพลิกโฉมขึ้นมาได้ จากนั้นจังหวัดอื่น ๆ ที่มีความเจริญและมีพื้นฐานที่ดีอยู่แล้ว ก็สามารถต่อยอดให้มั่นคงมากขึ้น จะได้ไม่มีใครพูดว่าเป็นไปไม่ได้ เป็นไปได้ยาก หรือไม่ได้ทำ
ส่วนการทำงานของท้องถิ่นกับรัฐบาลต่อไปจะเชื่อมโยงกันมากขึ้นใช่หรือไม่? อนุทินกล่าวว่า ถูกต้อง เมื่อฝ่ายข้าราชการประจำคือผู้ว่าราชการจังหวัดกับนายก อบจ. ต่างก็อยู่ในกำกับดูแลของกระทรวงมหาดไทย ดังนั้น คนที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย ต้องทำให้สองฝ่ายนี้คิดเหมือนกัน เป็นหนึ่งเดียวกันให้ได้ เพื่อให้การขับเคลื่อนนโยบายไปสู่การปฏิบัติเป็นไปได้โดยเร็ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเสร็จสิ้นการมอบนโยบาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เดินมาถ่ายภาพกับแบ็กดรอป ซึ่งเป็นรูป แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับตัวเองที่สวมใส่ผ้าไทยสีเขียว โดย อนุทินได้ชูนิ้วโป้งและชี้นิ้ว ทำสัญลักษณ์ “ใช่เลย” ที่รูปของนายกรัฐมนตรีและตนเอง, ผู้สื่อข่าวจึงถามว่า เจอ ‘ตัวจริง’ ให้ใจหรือไม่? อนุทินถึงกับอุทาน “อุ้ย” พร้อมบอกว่า “ให้หมดใจอยู่แล้ว ท่านน่ารักจะตาย”
ปฏิเสธปมเกาเหลา ‘เอกนัฏ’ กลางที่ประชุม ครม.
ผู้สื่อข่าวยังถามถึงรายงานเรื่องการพบสัญญาณชีพของผู้รอดชีวิต ที่ซากอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)
อนุทิน ยืนยันว่า มีรายงานเข้ามาตลอดเวลา ซึ่งวันนี้ได้บอกให้อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง (ยผ.) ไม่ต้องมาร่วมงาน โดยให้ส่งตัวแทนมาร่วมงานแทน เพื่อให้อยู่ประจำสถานการณ์แผ่นดินไหวที่กรุงเทพฯ ซึ่งเราก็ทำงานกันอย่างเต็มที่ ขณะนี้การรับผิดชอบต่อสถานการณ์เป็นไปตามกฎหมายทุกอย่าง และมีผู้ว่าฯ กทม. เป็นผู้รับผิดชอบ สั่งการตามดุลยพินิจในการแก้ไข เยียวยา และกอบกู้ชีวิตของประชาชน
เมื่อถามถึงบริษัทร่วมค้าของประเทศจีนที่ร่วมงานกับทางรัฐบาลในกระทรวงอื่น ๆ นั้น มีการรับงานของกระทรวงมหาดไทยด้วยหรือไม่? อนุทิน กล่าวว่า ของกระทรวงมหาดไทยตรวจสอบแล้ว เห็นว่ามีการทำงานร่วมกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ หากพบว่ามีความเสี่ยงก็จะต้องดำเนินการทันทีเช่นกัน
ส่วนการตั้งคณะกรรมการสอบสวนของกระทรวงมหาดไทย ขณะนี้มีผลการตรวจสอบเบื้องต้นแล้วหรือไม่? อนุทิน กล่าวว่า คณะกรรมการสอบสวนจะพิจารณาเรื่องของการก่อสร้าง แบบ และวัสดุเป็นหลัก ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเร่งตรวจสอบการก่อสร้างกับแบบก่อสร้าง และต้องนำวัสดุมาตรวจสอบด้วย
หน้างานจะเน้นเรื่องการช่วยเหลือผู้รอดชีวิตก่อน แม้จะผ่านไป 100 ชั่วโมงแล้วก็ตาม แต่เราก็ยังมีความหวังอยู่ ดังนั้น หากหน้างานตัดสินใจว่าจะต้องให้ความสำคัญ กับการค้นหาผู้รอดชีวิตเป็นลำดับแรก การจะเข้าไปเก็บตัวอย่างก็ต้องรอ
— อนุทิน ชาญวีรกูล
เมื่อถามถึงมาตรการเยียวยา ได้มีการวางกรอบไว้แล้วหรือไม่? อนุทิน กล่าวว่า มาตรการเยียวยาช่วยเหลือในส่วนของรัฐบาลมีกฎระเบียบกำหนดไว้อยู่แล้ว เราจะเร่งรัดให้การสูญเสียส่วนใหญ่มาจากไซต์งานก่อสร้าง ซึ่งมีคนงานและลูกจ้าง ได้รับการเยียวยา โดยจะประสานงานกับประกันสังคม การชดใช้ และประกันภัยต่าง ๆ เพื่อให้มีการจ่ายค่าสูญเสียแก่ผู้ประสบภัยโดยเร็ว
ส่วนกรณีที่กรมโยธาธิการและผังเมืองเข้าไปตรวจสอบตึกและพบว่าเข้าข่าย “สีแดง” สามารถเปิดเผยได้หรือไม่ว่ามีที่ไหนบ้าง? อนุทิน กล่าวว่า จริง ๆ มีรายงานอยู่แต่จำชื่อไม่ได้ แต่ตึกเหล่านั้นกรมโยธาฯ ไม่ได้อนุญาตให้ใช้งาน และต้องเร่งเข้าไปเสริมความแข็งแกร่ง หากไม่สามารถเยียวยาได้ก็ต้องรื้อถอน แต่ถ้าซ่อมแซมให้มั่นคงได้ก็ต้องดำเนินการโดยเร็วเพื่อป้องกันอันตราย อย่างไรก็ตาม ตึกที่เข้าข่ายสีแดงไม่สามารถเข้าใช้งานได้ และต้องติดป้ายเตือนห้ามเข้า
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ยื่นภาพข่าวที่ระบุ อนุทิน ได้ติง เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีเหล็กไม่ได้มาตรฐานแต่มีเครื่องหมาย มอก. อนุทิน ตอบกลับทันทีว่า “ไม่มีเลย ไม่ได้ติงเลย แค่บอกเฉย ๆ ว่าให้ไปตรวจสอบด้วย เพราะว่านายเอกนัฏ เพิ่งเข้ามาดำรงตำแหน่งพร้อมนายกรัฐมนตรีประมาณ 6 เดือน ผมเชื่อว่ามาตรฐาน มอก.ที่ออกให้กับบริษัทเหล่านี้ เกิดขึ้นก่อนที่นายเอกนัฏ จะเข้ามาดำรงตำแหน่งอยู่แล้ว ผมจะไปติงได้อย่างไร...เขียนแต่ละอย่าง และผมก็เข้าหน่วยงาน เข้าเยอะด้วย เข้าบ่อยแต่ก็ไม่ได้เป็นข่าว” ก่อนจะเดินออกจากวงสัมภาษณ์ทันที
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่า โครงการก่อสร้างของกระทรวงมหาดไทยไม่มีสัญญาที่ทำร่วมกับ “บริษัทไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10”