‘บิ๊กเล็ก’ รับ สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ดีขึ้นเล็กน้อย ไร้เผชิญหน้า

10 มิ.ย. 2568 - 04:23

  • ‘บิ๊กเล็ก’ รับสถานการณ์ไทย-กัมพูชาดีขึ้นเล็กน้อย ไม่มีการเผชิญหน้า กำลังส่วนอื่นยังอยู่ที่เดิม คงมาตรการเปิด-ปิดด่านตามระยะเวลาต่อ รอถกตัดน้ำ ตัดไฟ หวั่น กลับมาตึงเครียด

  • พ้อ หนักใจเปิดเผยข้อมูล เหตุความมั่นคง พูดไม่ได้ทุกเรื่อง

‘บิ๊กเล็ก’ รับ สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ดีขึ้นเล็กน้อย ไร้เผชิญหน้า

พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า สถานการณ์ดีขึ้นเล็กน้อยกว่าเมื่อวันเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา ยืนยันว่า มาตรการในการปรับระยะเวลาเปิด-ปิดด่านชายแดนยังคงไว้อยู่ เพราะสถานการณ์ยังคงดีขึ้นเล็กน้อยตรงที่กำลังทั้งสองฝ่ายได้ปรับกำลัง ไม่ได้เผชิญหน้ากัน ถือว่า ดีขึ้น เพราะตราบใดที่ยังมีการเผชิญหน้ากันมันมีความเสี่ยงในการปะทะและการใช้อาวุธ ทำให้เกิดความสูญเสียทั้งสองฝ่าย สุ่มเสี่ยงทั้งกำลังทหารและพี่น้องที่อยู่ชายแดน ส่วนกำลังส่วนอื่นทั้งสองฝ่ายยังอยู่ที่เดิม เพราะฉะนั้น มาตรการควบคุมตามแนวชายเรายังทำต่อไป ซึ่งหลังจากนี้สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จะมาเปิดเผยอีกครั้งหนึ่งว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไป

 

เมื่อถามถึงมาตรการตัดน้ำ ตัดไฟ จะเสนอต่อที่ประชุม สมช.อย่างไร พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า คงต้องพิจารณาตามสถานการณ์ ซึ่งเรื่องตัดน้ำ ตัดไฟ ขณะนี้มีอยู่ 2 เรื่องในเวลาเดียวกัน ทางหน่วยกำลังป้องกันชายแดนต้องการที่จะตัดน้ำ ตัดไฟ แต่ขณะเดียวกัน ทางศูนย์อำนวยการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน (ศอ.ปชด.) ที่มีผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นผู้อำนวยการต้องการตัดน้ำ ตัดไฟ ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการคอลเซ็นเตอร์ จึงขึ้นอยู่กับ สมช.จะพิจารณาว่า จะดำเนินการหรือไม่ อย่างไร เหมาะสมหรือไม่ ที่จะดำเนินการในช่วงนี้

 

ทั้งนี้ จะมีส่วนทำให้สถานการณ์ชายแดนกลับมาตึงเครียดอีกรอบหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า “ก็เนี่ย ก็ต้องช่วยกันพิจารณาไง ที่ผ่านมาไม่ได้แค่หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งทำคนเดียว ทั้ง สมช.และรัฐบาลหารือกันในวงเล็ก” และขอชี้แจงกับสื่อว่า ขอให้ได้ความเห็นใจ เพราะการเจรจา การพูดคุย ถ้าเรามาพูดก่อนจะทำให้เขารู้ว่า เราคิดอะไร จะทำอะไร เพราะฉะนั้น บางครั้งก็ไม่ได้พูด ซึ่งการไม่ได้พูดนี่แหละทำให้ประชาชนหรือสื่อมวลชนตัดพ้อต่อว่า รัฐบาลนิ่งเฉย ช้าไป แต่ถ้าเราพูดก่อน เขาก็รู้ก่อน เปรียบเสมือนการแข่งขันกีฬาฟุตบอล ฟุตบอลไทยแข่งกับกัมพูชา สื่อจะมาถามว่า จะส่งผู้เล่นคนไหนลง ถามหมดเลย แต่ไม่มีใครไปถามทีมกัมพูชาว่า เขาจะจัดทีมอย่างไร เพราะฉะนั้น ฝ่ายความมั่นคงเวลาที่จะคิดทำอะไร ลำบากตรงนี้ ก็ต้องขอความเห็นใจจริงๆ ความมั่นคง การทหาร จะต่างกับด้านเศรษฐกิจและด้านอื่นๆ ซึ่งสามารถชี้แจงก่อน แต่ด้านการทหารบางครั้ง ถ้าเราพูดก่อนอาจเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ การเจรจาต่อรองกับต่างประเทศ ถ้าเราบอกหมดทางนั้นจะทราบหมดว่า เราคิดอย่างไร

 

พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ส่วนที่มีผู้รู้และนักการทหารออกมาพูดหลายคนนั้น การที่ออกมาพูดทำให้ทางฝ่ายกัมพูชาพอเดาออกว่า กองทัพทำอะไรอยู่ ตรงนี้ในส่วนที่รับผิดชอบก็รู้สึกหนักใจเล็กน้อย แต่ไม่เป็นไร ในยุคปัจจุบันเป็นเรื่องของข้อมูลข่าวสาร โปร่งใส เราต้องแสดงความโปร่งใส และต้องใช้ฝีมือมากขึ้น ได้ให้กำลังใจน้องๆ ในกองทัพว่า เราต้องเป็นกองทัพภายใต้ประชาธิปไตย ภายใต้สังคมข้อมูลข่าวสาร เราจะไม่เหมือนเก่าที่สมัยก่อนทุกอย่างเป็นความลับ เขาจะไม่รู้ว่า เราทำอะไรบ้าง มีกำลังและอาวุธอะไรบ้าง แต่สมัยนี้ต้องพูดก่อน ในส่วนที่รับผิดชอบพยายามจะไม่พูด หรือพูดให้น้อยที่สุด เพื่อที่เราพยายามรักษาความลับ ซึ่งความลับไม่ได้หมายความว่า ไม่ได้ไว้ใจสื่อหรือประชาชน เพียงแต่ว่า เราต้องการให้มีความได้เปรียบอยู่บ้าง แต่อย่างไรก็เข้าใจสื่อและประชาชนว่า อยากรู้ว่า จะทำอย่างไร

 

สำหรับกรอบการประชุมเจบีซีในวันที่ 14 มิ.ย. จะมีการหยิบยกเรื่องพื้นที่ที่กัมพูชาจะนำขึ้นไปศาลโลกหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับกระทรวงการต่างประเทศ ไม่ขอก้าวล่วง รับผิดชอบในเรื่องของความมั่นคง

 

เมื่อถามถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) พล.อ.ณัฐพล ปฏิเสธที่จะตอบคำถามดังกล่าว โดยได้เดินออกจากวงสัมภาษณ์ และขึ้นห้องประชุม ครม.ทันที

 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์