เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของภารกิจรื้อถอนซากอาคารตึก สตง. ถล่ม โดยวันนี้ (6 พ.ค.) กทม. ได้พาสื่อมวลชนหลายสำนัก ลงพื้นที่สังเกตการณ์การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่บริเวณโซน B ลานจอดรถ และชั้นใต้ดิน โดยตลอดการลงพื้นที่มีเจ้าหน้าที่ กทม. คอยดูความปลอดภัยอย่างรัดกุม เนื่องจากจุดที่สำรวจเป็นพื้นที่เสี่ยงอันตราย


ระหว่างลงพื้นที่อาคารจอดรถ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เชื่อมต่อกับอาคารหลักของ สตง. ที่ถล่มลงมา พบว่าแต่ละชั้นของอาคารจอดรถ มีวัสดุต่างๆ ที่เตรียมไว้สำหรับการก่อสร้าง และมีร่องรอยการแตกหักของแผ่นปูนขนาดใหญ่ และร่องรอยการเจาะปูนไปตรวจสอบ รวมถึงมีตู้คอนเทนเนอร์สำนักงานของบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างตั้งอยู่ภายในอาคารจอดรถด้วย


นอกจากนี้ ยังพบว่ามีอาหารที่ถูกนำเซ่นไหว้ให้ผู้เสียชีวิตตามความเชื่อทางศาสนา และร่องรอยของใช้ต่างๆ ของคนงาน ที่กระจัดกระจายอยู่ในพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ชั้นใต้ดิน ที่มีซากอาคารร่วงลงมา ขณะที่โครงสร้างของตัวเสาชั้นใต้ดินพบว่ามีเหล็กหักงออย่างเห็นได้ชัด


ขณะที่ ไทวุฒิ ขันแก้ว ผู้อำนวยการสำนักการวางผัง และพัฒนาเมือง ได้อธิบายถึงโครงสร้างของอาคาร สตง. และแผนการค้นหาร่างของผู้สูญหายในซากอาคาร โดยจุดที่พบผู้สูญหายมากที่สุดคือ บริเวณบันไดหนีไฟและปล่องลิฟต์ เบื้องต้นคาดว่าเจ้าหน้าที่สามารถรื้อถอนซากอาคาร และค้นหาผู้สูญหายได้แล้วเสร็จภายใน 4-5 วัน เพราะตอนนี้เหลือเพียงจุดเดียวที่อยู่ระหว่างการรื้อถอน คือบริเวณที่เชื่อมต่อกับอาคารจอดรถ
ส่วนความยากในการรื้อถอนและค้นหาผู้สูญหาย ไทวุฒิ ยอมรับว่า ยากทุกอย่าง เพราะเป็นครั้งแรกที่เจ้าหน้าที่เคยเจอเหตุตึกสูง 30 ชั้นถล่ม และมีผู้ติดค้างภายในกว่า 100 ชีวิต ทำให้การรื้อถอนช่วงแรกเต็มไปด้วยอุปสรรค เพราะเกรงว่าจะเป็นอันตรายต่อผู้สูญหาย รวมถึงความซับซ้อนของโครงสร้างอาคารที่ค่อนข้างเป็นอุปสรรค พร้อมย้ำว่าเจ้าหน้าที่ทุกคนพยายามทำหน้าที่อย่างดีที่สุดและเต็มที่แล้ว


ด้าน สุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า วันนี้เจ้าหน้าที่สามารถเปิดพื้นที่ แผ่นคอนกรีตชั้นใต้ดินได้ครบหมดแล้ว ทั้งหมดมีพื้นที่ประมาณ 40 X 40 เมตร และเหลือแค่เก็บเศษซากอาคารที่อยู่บริเวณพื้นโซน B ที่เชื่อมกับอาคารจอดรถอีกเล็กน้อยเท่านั้น
ส่วนความจำนวนผู้สูญหายที่ยังหาไม่พบตอนนี้ เหลือเพียง 13 ราย จาก 109 ราย และมีชิ้นส่วนที่อยู่ระหว่างการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลประมาณ 200 ชิ้น โดยจะเทียบเคียง DNA ว่าตรงกับผู้สูญหายทั้ง 13 คนหรือไม่


ส่วนความความคืบหน้าด้านคดี พ.ต.อ .สนอง แสงมณี ผกก.บางซื่อ ระบุว่า หาก กทม. ยุติปฏิบัติการการรื้อถอน และค้นหาผู้ติดค้างภายใต้ซากอาคาร สตง. ที่พังถล่ม และคืนพื้นที่เกิดเหตุให้กับ สตง. และผู้รับเหมาโครงการก่อสร้างแล้ว พนักงานสอบสวนอาจขออายัดพื้นที่ไว้สอบสวนหาหลักฐานต่อไป
ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับคณะพนักงานสอบชุดใหญ่จะพิจารณาว่า หลักฐานที่เก็บรวบรวมจากที่เกิดเหตุทั้งหมดเป็นประโยชน์ในการสอบสวนมากพอหรือไม่









