แม้ประเทศไทยจะแสดงความต้องการแก้ไขปัญหาชายแดนด้วยการเจรจาทวิภาคี แต่รัฐบาลกัมพูชายังคงยืนหยัดที่จะส่งข้อพิพาทชายแดนกับไทยเข้าสู่การพิจารณาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) หรือศาลโลก
หลังเกิดเหตุปะทะรุนแรงบริเวณชายแดนในพื้นที่มอมเบยเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต นายกฯ ฮุนมาเนต ของกัมพูชาก็ประกาศว่าจะยื่นข้อพิพาทที่มีปัญหากับชายแดนไทยบริเวณพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโตช และปราสาทตาควาย รวมถึงพื้นที่มอมเบย ต่อศาลโลกเพื่อให้มีการตัดสินทางกฎหมายระหว่างประเทศ
ฮุนมาเนตยืนยันว่าการดำเนินการนี้จะเกิดขึ้นแน่นอน แม้ว่ากัมพูชาจะต้องดำเนินการฝ่ายเดียวโดยไม่มีความร่วมมือจากไทยก็ตาม มติดังกล่าวได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากทั้งรัฐสภาและวุฒิสภาในการประชุมรัฐสภาร่วมกันครั้งแรกเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน
ขณะที่รัฐบาลไทยออกแถลงการณ์ตอบโต้ “ไม่ยอมรับอำนาจศาลโลกในกรณีนี้ และยืนยันว่าจะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ เช่น คณะกรรมการชายแดนร่วม (JBC) เพื่อแก้ไขปัญหา” โดยไทยเตรียมจะประชุมคณะกรรมการชายแดนร่วมในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ พร้อมเรียกร้องให้กัมพูชาร่วมมือในการเจรจาเพื่อรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค
“จากเหตุการณ์อันน่าสลดใจนี้ได้ตอกย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการมีกลไกที่มีประสิทธิภาพเพื่อแก้ไขประเด็นที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขและมีความอ่อนไหวตามแนวชายแดนร่วมของเรา” แถลงการณ์รัฐบาลกัมพูชา ระบุ
รัฐบาลกัมพูชายังประกาศอีกว่าจะเดินหน้าส่งข้อพิพาทพื้นที่สำคัญ 4 แห่ง ได้แก่ พื้นที่มอมเบย, ปราสาทตาเมือนธม, ปราสาทตาเมือนโตช และปราสาทตาควาย ไปยังศาลโลกที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยพื้นที่เหล่านี้ถือเป็นจุดที่มีความตึงเครียดทางประวัติศาสตร์และเกิดเหตุปะทะเป็นระยะๆ ระหว่างกองกำลังของทั้งสองประเทศ
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลกัมพูชายืนยันว่าจะยังคงมุ่งมั่นในการเจรจาและการทูตควบคู่ไปกับการดำเนินการทางกฎหมาย โดยจะยังคงมีส่วนร่วมผ่านกรอบความร่วมมือทวิภาคีที่มีอยู่ และจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยการกำหนดเขตแดนทางบก (JBC) ครั้งต่อไปในวันที่ 14 มิถุนายน ณ กรุงพนมเปญ แต่รัฐบาลชี้แจงว่า พื้นที่ทั้ง 4 แห่งดังกล่าวจะไม่รวมอยู่ในวาระการประชุม JBC ในครั้งนี้
ขณะเดียวกัน รัฐบาลกัมพูชาก็เรียกร้องให้พลเมืองมองปัญหาด้วยความสงบและอดทน และอย่าให้กลายเป็นเรื่องของความรู้สึกทางชาติพันธุ์ หรือชาตินิยม “เราขอย้ำถึงความสำคัญของการรักษาความสัมพันธ์ปกติกับประเทศไทย โดยเฉพาะในด้านการค้า การท่องเที่ยว และความร่วมมือในด้านอื่นๆ เพื่อประโยชน์ร่วมกันของประชาชนทั้งสองประเทศ” แถลงการณ์ระบุ
ชุม สุนรี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชากล่าวว่า “กัมพูชามุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ในการปกป้องอธิปไตยและความสมบูรณ์ของดินแดนประเทศ กัมพูชาพร้อมยืนหยัดที่จะเปลี่ยนแปลงแนวชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านให้กลายเป็นพื้นที่แห่งสันติภาพ มิตรภาพ ความร่วมมือ และการพัฒนา เพื่อประโยชน์ของทั้งสองประเทศและประชาชน กัมพูชามุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาชายแดนอย่างสันติผ่านกลไกทางเทคนิคและตามกรอบกฎหมายระหว่างประเทศ”
(Photo by TANG CHHIN Sothy / AFP)