สถานการณ์หมอกควัน ฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ยังคงน่าเป็นห่วง ซึ่งตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 จนถึงปัจจุบัน จังหวัดเชียงใหม่มีค่าฝุ่น PM 2.5 เกินค่ามาตรฐานไปแล้วมากกว่า 45 วัน และยังมีแนวโน้มที่จะมีวันที่คุณภาพอากาศเกินค่ามาตรฐานเพิ่มสูงขึ้น สามารถสังเกตได้จากจุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้านที่ยังคงมีจำนวนมากในทุกวัน ทำให้จังหวัดเชียงใหม่ต้องเร่งหาแนวทางดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
โดยหนึ่งในนั้นคือ การเร่งทำห้องปลอดฝุ่นจังหวัดเชียงใหม่ เพิ่มเติมจากที่ผ่านมา ที่ได้มีการส่งเสริมให้ประชาชนจัดทำห้องปลอดฝุ่นทั้งในบ้านเรือน และสถานประกอบการ เพื่อใช้สำหรับเป็นพื้นที่ปลอดภัยจากฝุ่น PM 2.5 พร้อมกับส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ดำเนินการในการจัดทำห้องปลอดฝุ่นไว้รองรับให้บริการแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว

ศิวกร บัวป้อง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ในช่วงที่มีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในอากาศสูงเกินมาตรฐาน การจัดทำห้องปลอดฝุ่นเป็นอีกส่วนสำคัญในการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งขณะนี้ทุกหน่วยงาน ทุกสถานประกอบการในจังหวัดเชียงใหม่ได้ร่วมกันจัดทำห้องปลอดฝุ่นเพิ่มเติม โดยจะขยายผลดำเนินการจัดทำห้องปลอดฝุ่นไปให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั้ง 25 อำเภอ โดยเฉพาะโรงพยาบาล ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก บ้านพักคนชรา ซึ่งจัดเป็นกลุ่มเปราะบางที่มีความเสี่ยงสูง
“ในส่วนของเป้าหมายของการทำห้องปลอดฝุ่นเชียงใหม่ในปีนี้ ได้กำหนดให้หน่วยงานภาครัฐ เอกชน เช่น โรงแรม รีสอร์ท ห้างสรรพสินค้า คาเฟ่ ร้านกาแฟ รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ดำเนินการจัดทำห้องปลอดฝุ่น จำนวน 2,989 ห้อง ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการจัดทำไปแล้วกว่า 1,900 ห้อง สำหรับบ้านเรือนประชาชนได้มีการสำรวจพบว่าประชาชนบางส่วนได้มีการจัดทำห้องปลอดฝุ่นในบ้านเรือนแล้วกว่า 24,000 ห้อง โดยจังหวัดเชียงใหม่จะขับเคลื่อนและส่งเสริมให้ทุกพื้นที่และทุกครัวเรือนจัดทำห้องปลอดฝุ่นให้มากที่สุด”

สำหรับห้องปลอดฝุ่น หมายถึง ห้องที่จัดเตรียมเพื่อรับมือค่าฝุ่นพิษสูงเพื่อลดความเสี่ยงจากการหายใจเอาฝุ่นเข้าสู่ร่างการ ซึ่งหลักการของห้องปลอดฝุ่น คือ
\-ป้องกันฝุ่นจากภายนอกไม่ให้เข้าไปภายในห้อง
\-ป้องกันการสะสมฝุ่นตามผนังห้อง วัสดุหรืออุปกรณ์ และพื้นผิวห้อง
\-กำจัดอนุภาคของฝุ่นที่อยู่ภายในห้อง
\-ไม่ทำกิจกรรมที่ก่อให้เกิดฝุ่นภายในห้อง เช่น จุดธูป สูบบุหรี่

จากการลงพื้นที่พูดคุยสำรวจความคิดเห็นของชาวเชียงใหม่และนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่เกี่ยวกับโครงการห้องปลอดฝุ่น แม้จะมีทั้งคนที่ทราบและไม่ทราบเกี่ยวกับการดำเนินการทำห้องปลอดฝุ่น แต่ผู้คนส่วนใหญ่ต่างเห็นด้วย ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีในการรับมือปัญหาหมอกควันฝุ่น PM 2.5 ถึงแม้จะมองว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ หากไม่สามารถจัดการที่ต้นตอของปัญหาได้ประชาชนและภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ก็จะยิ่งย่ำแย่ลงเรื่อยๆ
นิติพรหมพรรดิ มหาวรรณ์ ชาวเชียงใหม่ บอกว่า ปัญหาฝุ่นพิษกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก ก่อนออกบ้านต้องดูข้อมูลฝุ่นก่อนทุกครั้ง เพราะในรถของตนเองไม่มีเครื่องฟอก ต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอด ทำให้บางครั้งจะเลือกที่จะสั่งข้าวมาส่งที่บ้าน ส่วนเรื่องออกกำลังกายกลางแจ้งลดจำนวนลงมาก จากที่สูดอากาศบริสุทธิ์กลายเป็นสูดฝุ่นพิษแทน
“ส่วนตัวเป็นคนที่ชอบออกไปนอกบ้าน ไปนั่งพักผ่อนหรือทำงานที่ร้านกาแฟอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งก็จะเลือกร้านที่มีเครื่องฟอกอากาศและเป็นระบบปิดมีเครื่องปรับอากาศ เพราะคงช่วยบรรเทาฝุ่นไปได้บ้างในขณะที่ใช้บริการ และในอนาคตก็อยากให้จังหวัดเชียงใหม่มีห้องปลอดฝุ่นตามสถานที่ต่างๆ ให้มากขึ้น”
“ในช่วงที่ต้องเผชิญกับปัญหาฝุ่นพิษก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องออกนอกบ้าน ก็อยากจะให้มีห้องปลอดฝุ่นเยอะขึ้น แต่ก็ยังสังสัยว่ามันปลอดฝุ่น 100% จริงหรือไม่ ส่วนปัญหานี้จะหมดไปเมื่อใดก็ตอบไม่ได้ ชาวบ้านทั่วไปคงทำอะไรได้ไม่มาก คงได้แค่ดูแลตัวเองกันไปแค่นั้น”

ขณะที่นักท่องเที่ยว ที่เดินทางมาท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ในช่วงนี้ บอกว่า ปัญหาฝุ่น PM 2.5 มีผลต่อการตัดสินใจออกมาท่องเที่ยว เนื่องจากตนเองเป็นภูมิแพ้ทำให้ไม่สามารถออกไปเที่ยวในพื้นที่โล่งแจ้งได้มาก จึงได้เที่ยวเชียงใหม่แบบไม่เต็มที่ แต่ก็อยากจะมาท่องเที่ยวในช่วงวันหยุด แต่ในอนาคตก็คงต้องพิจารณาไปเที่ยวจังหวัดอื่นๆ แทนหากปัญหานี้ยังไม่คลี่คลาย
“สำหรับประเด็นห้องปลอดฝุ่น ส่วนตัวยังไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่หากถามว่าช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวหรือไม่ ส่วนตัวมองว่าช่วยได้ไม่มาก เพราะไม่สามารถแก้ปัญหาการท่องเที่ยวได้อย่างครอบคลุม ในหลายสถานที่ท่องเที่ยวเป็นสถานที่โล่งแจ้ง คิดว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด”
“ปัญหาฝุ่นพิษทำให้พฤติกรรมการท่องเที่ยวของตนเองเปลี่ยนไปค่อนข้างมาก จากเดิมที่ไปเที่ยวพื้นที่โล่งแจ้งก็ต้องปรับแผน รวมถึงไม่สามารถไปในสถานที่ที่อยากไปได้ รัฐบาลต้องแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด แก้ที่ต้นเหตุ การมีห้องปลอดฝุ่นก็ดีแต่มันจะเป็นการรับมือที่ปลายเหตุแล้ว”
