จีนออกมาเตือนเมื่อวันพุธ (16 เม.ย.) ว่า “ไม่กลัวที่จะทำสงครามการค้ากับสหรัฐฯ” และเรียกร้องให้มีการเจรจาจา หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ กล่าวว่า “เป็นหน้าที่ของจีนที่จะเข้าร่วมโต๊ะเจรจา” ขณะที่เอกสารในทำเนียบขาวล่าสุดระบุว่า “จีนอาจเจอภาษีนำเข้าสหรัฐฯ สูงสุด 245%”
“หากสหรัฐฯ ต้องการแก้ไขปัญหานี้ผ่านการเจรจากันจริงๆ ก็ควรหยุดกดดันอย่างรุนแรง หยุดคุกคามและแบล็กเมล์ และพูดคุยกับจีนบนพื้นฐานของความเท่าเทียม ความเคารพ และผลประโยชน์ร่วมกัน”
— หลินเจี้ยน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าว
ในช่วงแรก ทรัมป์ได้กำหนดภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน เนื่องจากจีนมีส่วนเกี่ยวข้องกับห่วงโซ่อุปทานเฟนทานิล และเมื่อไม่นานมานี้ ทรัมป์ก็ได้เพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนอย่างรุนแรง เพราะสหรัฐฯ มองว่าการค้าขายไม่ยุติธรรม
ในปีนี้ ทรัมป์ได้กำหนดภาษีนำเข้ากับสินค้าหลายรายการจากจีนเพิ่มเติมอีก 145% ซึ่งเป็นอัตราที่เรียกเก็บเพิ่มขึ้นจากที่รัฐบาลชุดก่อนเก็บ ซึ่งประเด็นนี้เกี่ยวข้องกับยาเฟนทานิลและยาเสพติดผิดกฎหมายอื่นๆ 20% และเกี่ยวข้องกับแนวทางปฏิบัติทางการค้า 125%
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลของทรัมป์ได้ผ่อนผันการเรียกเก็บภาษีสินค้าเทคโนโลยีบางประเภทเป็นการชั่วคราว เช่น สมาร์ทโฟน และแล็ปท็อป
เมื่อวันอังคาร (15 เม.ย.) ทรัมป์กล่าวว่า “ลูกฟุตบอลอยู่ในมือของจีนแล้ว จีนจำเป็นต้องทำข้อตกลงกับเรา” ขณะที่จีนตอบโต้เมื่อวันพุธ (16 เม.ย.) ว่า “สหรัฐฯ เป็นผู้เริ่มต้นสงครามภาษีครั้งนี้ จุดยืนของจีนนั้นชัดเจนมาก ไม่มีผู้ชนะในสงครามภาษีศุลกากร หรือสงครามการค้า จีนไม่อยากสู้ แต่ก็ไม่กลัวที่จะสู้” หลินเจี้ยน กล่าว
(Photo by Andres MARTINEZ CASARES and SAUL LOEB / various sources / AFP)