มีนัย? สื่อรัฐจีนเผยข้อมูลขีปนาวุธข้ามทวีป ‘DF-5’ ยิงไกลถึงสหรัฐฯ-ยุโรปตะวันตก

5 มิ.ย. 2568 - 08:42

  • จีนเปิดเผยข้อมูลสำคัญของขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) รุ่น ‘DF-5’ ผ่านสถานีโทรทัศน์ CCTV เป็นครั้งแรก การเปิดเผยข้อมูลนี้ถือเป็นความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ เนื่องจากจีนมักเก็บข้อมูลเกี่ยวกับขีปนาวุธนิวเคลียร์ไว้อย่างเข้มงวด โดยไม่เปิดเผยรายละเอียดที่ชัดเจน

  • รายงานระบุว่า “DF-5 ถือเป็นขีปนาวุธยุทธศาสตร์รุ่นแรกของจีนที่พัฒนาขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 สามารถยิงหัวรบนิวเคลียร์เพียงหัวเดียวที่มีปริมาณระเบิดเท่ากับ TNT (เทียบเท่าระเบิดไฮโดรเจนขนาดใหญ่) 3-4 เมกะตัน...”

มีนัย? สื่อรัฐจีนเผยข้อมูลขีปนาวุธข้ามทวีป ‘DF-5’ ยิงไกลถึงสหรัฐฯ-ยุโรปตะวันตก

จีนเปิดเผยข้อมูลสำคัญของขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) รุ่น ‘DF-5’ ผ่านสถานีโทรทัศน์ CCTV เป็นครั้งแรก การเปิดเผยข้อมูลนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ เนื่องจากจีนมักจะเก็บข้อมูลขีปนาวุธนิวเคลียร์ไว้เป็นความลับ โดยไม่เปิดเผยรายละเอียดที่แน่ชัด และยังไม่ชัดเจนว่าเหตุใดข้อมูลเกี่ยวกับ DF-5 จึงถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ 

 

การเปิดเผยข้อมูลอย่างเป็นทางการมักจะใช้ภาษาที่คลุมเครือ หลีกเลี่ยงรายละเอียดที่ชัดเจนเกี่ยวกับอาวุธ แต่การออกอากาศเมื่อวันจันทร์ (2 มิ.ย.) เผยให้เห็นว่า “DF-5 ถือเป็นขีปนาวุธยุทธศาสตร์รุ่นแรกของจีนที่พัฒนาขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 สามารถยิงหัวรบนิวเคลียร์เพียงหัวเดียวที่มีปริมาณระเบิดเท่ากับ TNT (เทียบเท่าระเบิดไฮโดรเจนขนาดใหญ่) 3-4 เมกะตัน อีกทั้งยังมีบทบาทในระบบป้องกันประเทศของจีน แม้จะมีรุ่นใหม่กว่าอย่าง DF-41 ที่มีความสามารถสูงกว่าแล้วก็ตาม” 

 

รายงานยังระบุด้วยว่า “ขีปนาวุธดังกล่าวมีพิสัยการยิงสูงสุด 12,000 กิโลเมตร (7,460 ไมล์) ซึ่งเพียงพอที่จะโจมตีสหรัฐอเมริกาแผ่นดินใหญ่ รวมถึงยุโรปตะวันตก และมีความแม่นยำในระยะ 500 เมตร (1,600 ฟุต) ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญตามหลักยุทธศาสตร์ทางทหารสมัยใหม่” 

 

“ขีปนาวุธนี้มีความยาว 32.6 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง 3.35 เมตร และน้ำหนักขณะปล่อยถึง 183 ตัน ส่วนหัวรบนิวเคลียร์ของ DF-5 มีพลังทำลายสูงสุดถึง 4 เมกะตัน ซึ่งแรงระเบิดนี้มีมากกว่าระเบิดปรมาณูที่สหรัฐฯ ใช้ทิ้งในฮิโรชิมาและนางาซากิในช่วงสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ถึงประมาณ 200 เท่า” 

 

ซ่งจงผิง อดีตผู้ฝึกสอนกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนกล่าวว่า “ขีปนาวุธซึ่งได้รับการพัฒนาเมื่อต้นทศวรรษปี 1970 และเริ่มเข้าประจำการในปี 1981 มีบทบาทสำคัญในการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับยุทธศาสตร์การป้องปรามนิวเคลียร์ของจีน” 

 

“หากไม่มี DF-5 จีนคงไม่ได้รับการยอมรับว่าเป็นประเทศที่มีความสามารถในการโจมตีข้ามทวีปอย่างน่าเชื่อถือ มันเป็นเครื่องมือสำคัญที่ทำให้จีนกลายเป็นมหาอำนาจนิวเคลียร์ และแสดงให้โลกเห็นว่าจีนต้องได้รับการเคารพ”

 

“การเปิดเผยข้อมูลครั้งนี้อาจเป็นสัญญาณของการเปิดตัวขีปนาวุธรุ่นใหม่ที่ใช้ฐานยิงแบบไซโล (silo-based) ที่มีความทันสมัยกว่าในอนาคตอันใกล้...สิ่งที่เรากำลังเห็นคือการยุติการใช้งานระบบเก่าๆ ข้อความนี้ชัดเจนว่าจีนมีศักยภาพที่ทรงพลังกว่ามาก แต่ยังไม่ได้แสดงให้โลกเห็น” ซ่ง กล่าว 

 

สำหรับสหรัฐฯ ขีปนาวุธหลักที่ประจำการในฐานยิงบนบกคือ ‘Minuteman III’ ซึ่งเริ่มใช้งานตั้งแต่ปี 1970 และบรรทุกหัวรบเดี่ยว โดยขีปนาวุธนี้ถือเป็นเสาหลักของระบบป้องปรามนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ ในปัจจุบัน 

 

ขณะเดียวกัน จีนก็ได้พัฒนาขีปนาวุธนิวเคลียร์อย่างต่อเนื่อง โดยในปัจจุบันมีขีปนาวุธ DF-5 ที่สามารถบรรทุกหัวรบนิวเคลียร์หลายลูก (MIRVs) รวมถึงระบบขีปนาวุธเคลื่อนที่รุ่นใหม่อย่าง DF-31 และ DF-41 ที่มีความทันสมัยและยืดหยุ่นสูงกว่า 

 

ในปีที่ผ่านมา จีนได้ทำการทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ครั้งแรกในรอบกว่า 40 ปี โดยยิงหัวรบจำลองไปยังมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งนักวิเคราะห์เชื่อว่าขีปนาวุธดังกล่าวอาจเป็นรุ่นปรับปรุงของ DF-31   

 

กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ รายงานว่า จีนมีหัวรบนิวเคลียร์ที่พร้อมใช้งานมากกว่า 600 ลูก และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเกิน 1,000 ลูกภายในปี 2030 นอกจากนี้ยังประเมินว่าจีนมีฐานยิงขีปนาวุธแบบไซโลประมาณ 320 แห่งใน 3 พื้นที่หลัก หลังจากสร้างฐานยิงใหม่และปรับปรุงฐานยิงเก่า 

 

จีนยึดมั่นในนโยบาย ‘ไม่ใช้ก่อน’ (No First Use) สำหรับอาวุธนิวเคลียร์ และได้ประกาศว่าจะไม่ใช้ขีปนาวุธนิวเคลียร์กับประเทศที่ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ 

 

(Photo by GREG BAKER / AFP) 

 

 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์