'ชูศักดิ์ ศิรินิล' รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะฝ่ายกฎหมายของรัฐบาล กล่าวถึงกรณีคุณสมบัติของรัฐมนตรีใหม่ว่า สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จะเป็นผู้ตรวจสอบโดยใช้แบบฟอร์มที่ผู้ถูกเสนอชื่อกรอกและรับรองว่าตนมีคุณสมบัติครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ อาทิ ไม่เคยต้องโทษจำคุก หรือไม่มีลักษณะต้องห้ามอื่นๆ
เมื่อถามว่า หากเคยมีคดีความ เช่น คดีทำร้ายร่างกายแต่มีการถอนแจ้งความไปแล้ว จะถือว่าขาดคุณสมบัติหรือไม่ ชูศักดิ์กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ต้องใช้ดุลพินิจ เพราะหากไม่มีคำพิพากษา ก็ยังไม่ถือว่าขาดคุณสมบัติอย่างชัดเจน โดยรัฐธรรมนูญยังมีความกำกวมในบางมาตรา เช่น เรื่องจริยธรรมและความซื่อสัตย์สุจริต ที่ยังไม่มีมาตรวัดที่แน่นอน
ในประเด็นผู้ถูกกล่าวหาว่ามีคดีอยู่ในชั้น ป.ป.ช. ชูศักดิ์ระบุว่า ยังไม่มีข้อยุติชัดเจนและขึ้นอยู่กับดุลพินิจของนายกรัฐมนตรี โดย ป.ป.ช. เคยมีคำชี้แจงว่า ผู้ที่ถูกกล่าวหายังถือว่าบริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำวินิจฉัย
เมื่อถามถึงกรณีการเสนอชื่อสำรองรัฐมนตรี ชูศักดิ์กล่าวว่า ยังสามารถเปลี่ยนชื่อได้ก่อนการทูลเกล้าฯ
ส่วนกรณีศาลรัฐธรรมนูญอาจมีคำสั่งให้นายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวในวันที่ 1 ก.ค.นี้ จากปมคลิปเสียงนั้น ชูศักดิ์ชี้ว่าเป็นเรื่องที่ยังไม่เคยเกิดขึ้น และยังไม่ควรวิเคราะห์ไปไกล เพราะยังไม่ทราบว่าศาลจะรับคำร้องหรือไม่
ชูศักดิ์ยังตั้งข้อสังเกตถึงพยานหลักฐานจากคลิปเสียงว่า อาจได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากไม่มีการยินยอม และอาจขัด พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พร้อมตั้งข้อสงสัยว่าเนื้อหาในคลิปไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าผิดจริยธรรม หรือซื่อสัตย์สุจริตจนถึงขั้นต้องรับผิด
เมื่อถามถึงประเด็นที่มีเสียงวิจารณ์ว่านายกรัฐมนตรีอ่อนข้อต่อกัมพูชา ชูศักดิ์ยืนยันว่า ไม่มีหลักฐานใดชี้ว่ามีการให้ประโยชน์ส่วนตัว และท้ายที่สุดกัมพูชายังไม่เคยได้รับอะไร ตรงกันข้ามกลับโกรธมากขึ้นจากการปิดด่านที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ ชูศักดิ์ย้ำว่า ทุกความเห็นเป็นการแสดงความเห็นส่วนตัวในฐานะนักกฎหมาย และขณะนี้ศาลยังไม่รับคำร้องพิจารณา จึงไม่ควรสรุปหรือวิเคราะห์ล่วงหน้า