แรงงานกัมพูชากังวลราคาน้ำมันสูงขึ้น หลัง ฮุน มาเนต สั่งแบนน้ำมันจากไทย

26 มิ.ย. 2568 - 08:07

  • แรงงานนอกระบบและธุรกิจท้องถิ่นในกรุงพนมเปญต่างแสดงความกังวลเกี่ยวกับราคาน้ำมันที่อาจปรับขึ้นและผลกระทบระยะยาวต่อการดำรงชีพอันเนื่องมาจากความตึงเครียดกับประเทศไทยที่ยังคงดำเนินอยู่

  • ขณะที่แผนการลงทุนมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.2 พันล้านบาท) ของ PTT Oil & Retail เพื่อสร้างคลังน้ำมันแห่งใหม่ในกัมพูชาก็กำลังเผชิญกับความท้าทายหลังจากที่ต้องหยุดนำเข้าเชื้อเพลิงและก๊าซทั้งหมดจากประเทศไทย

  • นักวิเคราะห์เศรษฐกิจสังคม เชย์ เท็ค เผยว่ายังไม่เห็นการปรับราคาที่ชัดเจน แต่ไม่ตัดความเป็นไปได้ว่าจะมีผลกระทบระยะสั้น

แรงงานกัมพูชากังวลราคาน้ำมันสูงขึ้น หลัง ฮุน มาเนต สั่งแบนน้ำมันจากไทย

ในขณะที่รัฐบาลกัมพูชาให้คำมั่นว่าจะจัดหาเชื้อเพลิงจากแหล่งอื่นได้อย่างต่อเนื่อง แต่แรงงานนอกระบบและธุรกิจท้องถิ่นในกรุงพนมเปญต่างก็กังวลเกี่ยวกับราคาน้ำมันที่อาจปรับขึ้นและผลกระทบระยะยาวต่อการดำรงชีพอันเนื่องมาจากความตึงเครียดกับประเทศไทยที่ยังคงดำเนินอยู่  

แผนการลงทุนมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.2 พันล้านบาท) ของ PTT Oil & Retail เพื่อสร้างคลังน้ำมันแห่งใหม่ในกัมพูชากำลังเผชิญกับความท้าทายหลังจากที่ต้องหยุดนำเข้าเชื้อเพลิงและก๊าซทั้งหมดจากประเทศไทย ซึ่ง PTT มีปั๊มน้ำมันอยู่ที่กัมพูชาด้วย 

แม้ว่านายกฯ ฮุน มาเนต จะรับรองกับประชาชนเมื่อวันที่ 23 มิถุนายนว่ามีปริมาณน้ำมันเพียงพอ เนื่องจากบริษัทน้ำมันในประเทศสามารถนำเข้าจากแหล่งอื่นเพื่อตอบสนองความต้องการในประเทศได้ แต่แรงงานนอกระบบและธุรกิจในกรุงพนมเปญกลับกังวลว่าราคาน้ำมันอาจปรับขึ้นและกระทบต่อชีวิตประจำวันอันเนื่องมาจากความตึงเครียดที่ชายแดน 

ตัวอย่างเช่น ซิม เชีย วัย 42 ปี คนขับตุ๊กตุ๊ก เผยว่า เขาไม่แน่ใจว่าราคาน้ำมันจะขึ้นหรือไม่ แต่รู้สึกกังวล ขณะที่ ธี วัน วัย 40 ปี คนขับตุ๊กตุ๊กอีกคนซึ่งทำงานในบริการเรียกรถผ่านระบบออนไลน์มาเป็นเวลา 3 ปี คาดว่า “ราคาน้ำมันอาจปรับตัวสูงขึ้น ยังไม่มีผลกระทบที่เห็นได้ชัดในขณะนี้ แต่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อให้แน่ใจว่าราคาน้ำมันจะคงที่ เพราะหากค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจะกระทบต่อการดำรงชีพของเรา...เราหวังว่าฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะบริษัทต่างๆ จะคงราคาไว้และไม่ขึ้นราคา เพราะจะส่งผลกระทบต่อพวกเรา” ธี วัน กล่าว  

จากราคาน้ำมันที่ปั๊มของ PTT เมื่อเดือนมิถุนายน 2024 ดีเซลอยู่ที่ 3,800 เรียลต่อลิตร เบนซินธรรมดาอยู่ที่ 3,950 เรียล และเบนซินซูเปอรอยู่ที่ 4,550 เรียล 

นักวิเคราะห์เศรษฐกิจสังคม เชย์ เท็ค เผยว่า “ยังไม่เห็นการปรับราคาที่ชัดเจน แต่ไม่ตัดความเป็นไปได้ว่าจะมีผลกระทบระยะสั้น โดยการเปลี่ยนแปลงราคาในอนาคตน่าจะขึ้นอยู่กับสภาวะตลาดโลกมากกว่าการแบนการนำเข้าน้ำมันของกัมพูชา” 

“ถึงแม้เราไม่อยากให้ราคาสูงขึ้น แต่ราคาก็อาจสูงขึ้นได้เนื่องจากความขัดแย้งที่ยังคงดำเนินอยู่ในตะวันออกกลาง” เชย์ เท็ค กล่าว โดยอ้างถึงสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างอิสราเอล สหรัฐฯ และอิหร่าน ซึ่งทำให้เส้นทางส่งออกเชื้อเพลิงหลักหยุดชะงัก ส่งผลให้ราคาน้ำมันโลกสูงขึ้น 

หลังจากกัมพูชาประกาศแบนการนำเข้าน้ำมันและก๊าซจากไทย กระทรวงเหมืองแร่และพลังงานของกัมพูชาก็แถลงว่าประเทศมีศักยภาพเพียงพอในการจัดหาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเพื่อรองรับความต้องการภายในประเทศ 

นายกฯ ฮุน มาเนต ได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ควบคุมราคาน้ำมันและเตือนไม่ให้บุคคล หรือธุรกิจต่างๆ ฉวยโอกาสขึ้นราคาเพื่อแสวงหากำไรจากสถานการณ์นี้ 

PTT ยังดำเนินการต่อ แม้จะถูกแบนการนำเข้า  

ปัจจุบัน PTT มีสถานีบริการน้ำมันและค้าปลีกในกัมพูชาจำนวน 186 แห่ง แต่จะสามารถรับมือกับการแบนนี้ได้หรือไม่? ขณะที่รอลูกค้าเข้ามาใช้บริการ พนักงานรายหนึ่งไม่เปิดเผยชื่อซึ่งทำงานในสถานีบริการน้ำมัน PTT ริมถนนโยธาเขมารักษ์ภูมินทร์ (271) บอกกับสำนักข่าว Kiripost ว่า “การดำเนินงานยังเป็นปกติแม้จะมีการระงับนำเข้า ลูกค้ายังมาใช้บริการตามปกติ แต่หลายคนก็ถามถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับเรา...ยังไม่มีคำสั่งอย่างเป็นทางการจากผู้จัดการเกี่ยวกับการปิดปั๊ม ตอนนี้เรายังทำงานตามปกติ”  

หยาง เดียป ตัวแทนสถานีบริการน้ำมัน PTT ในอำเภอเวียลเวงได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กเพื่อตอบสนองความกังวลของประชาชนที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการแบนการนำเข้าของกัมพูชาว่า พวกเขาจะยังคงดำเนินการต่อไป “ปั๊มนี้เป็นของคนกัมพูชาและจดทะเบียนกับกระทรวงพาณิชย์” หยาง เดียป โพสต์ พร้อมระบุว่า พวกเขาจะพึ่งพาแหล่งอื่นและซัพพลายเออร์ในประเทศสำหรับน้ำมันและก๊าซ 

หยาง เดียป กล่าวต่อว่า ปั๊มของเขาเพิ่งเปิดดำเนินการเมื่อ 3 เดือนก่อนที่กัมพูชาจะประกาศห้ามนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงจากประเทศไทย และเรียกร้องให้ประชาชนอย่าแสดงความโกรธแค้นต่อพนักงานชาวกัมพูชา 20 คน 

ด้านนักวิเคราะห์เศรษฐกิจสังคม เชย์ เท็ค เผยว่า “กัมพูชาไม่น่าจะเผชิญปัญหาใหญ่ในการจัดหาน้ำมัน เนื่องจากสามารถหันไปพึ่งพาแหล่งอื่นได้ อย่างไรก็ตาม เจ้าของแฟรนไชส์ PTT อาจได้รับผลกระทบโดยตรงมากกว่า และอาจจำเป็นต้องเปลี่ยนไปใช้แบรนด์อื่นที่นำเข้าน้ำมันจากประเทศอื่น เช่น สิงคโปร์ เวียดนาม หรือประเทศอื่นๆ” 

ในปี 2023 กัมพูชาได้นำเข้าเชื้อเพลิงแร่ น้ำมัน และผลิตภัณฑ์กลั่นจากไทยมูลค่าประมาณ 738.18 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.3 หมื่นล้านบาท) รวมถึงน้ำมันเบนซินและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมอื่นๆ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยเป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่ของสินค้าเหล่านี้ให้กับกัมพูชา 

ในปีเดียวกันนั้น การนำเข้าน้ำมันทั้งหมดของกัมพูชาอยู่ที่ประมาณ 2.17 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 6.8 หมื่นล้านบาท) โดยใช้จ่ายไปกับดีเซล 1.32 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4.2 หมื่นล้านบาท) และ 850 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.7 หมื่นล้านบาท) กับน้ำมันปิโตรเลียม 

แม้ว่าประเทศไทยจะเป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่ของน้ำมันเหล่านี้ แต่กัมพูชาก็ยังนำเข้าน้ำมันจากประเทศอื่นๆ ด้วย เช่น เวียดนามและสิงคโปร์ 

(Photo by TANG CHHIN Sothy / AFP) 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์