‘คอปเตอร์–วิศรุต เล้าเจริญชัย’ หรือ ‘copterxmurf.’ ศิลปินน้องใหม่จากค่าย WHOOP Music ภายใต้การดูแลของ What The Duck ร่วมกับ THE TOYS โดยเพลงเปิดตัวที่ปล่อยออกมาคือเพลง ‘ปิดหูแล้วดูด้วยตา’ เพลงร็อกเนื้อหากินใจเหมาะกับคนที่ถูกทำลายความหวังดี พยายามแค่ไหนเขาก็ไม่เห็นค่า แต่ยังคงหลอกตัวเองอยู่ ใครที่ฟังแล้วตรงกับชีวิตหรือสถานการณ์ที่เป็นอยู่บอกเลยน้ำตาไหลแน่นอน
และเราจะทำให้ทุกคนได้รู้จักเขามากยิ่งขึ้นผ่านบทสัมภาษณ์นี้

‘ปิดหูแล้วดูด้วยตา’ เพลงเปิดตัวค่ายใหม่ของ copterxmurf.
เพลง “ปิดหูแล้วดูด้วยตา” เกิดจากทอย THE TOYS เป็นคนเขียนเพลงนี้ขึ้นมา ก่อนจะปล่อยเพลงนี้ทางคอปเตอร์และทอยได้มีการพูดคุยถึงเพลงเปิดตัวของค่ายว่าควรเป็นเพลงไหนดี คอปเตอร์จึงส่งเพลง Demo ให้ทอยได้ฟัง สุดท้ายสรุปว่าใช้เพลงปิดหูแล้วดูด้วยตาเป็นเพลงเปิดตัวเนื่องจากทอยบอกว่าคำคำนี้เหมาะกับคอปเตอร์
บริบทของเพลงปิดหูแล้วดูด้วยตาเมื่อฟังครั้งแรกอาจดูเหมือนเป็นเพลงรัก แต่สำหรับคอปเตอร์แล้วเขามีความเห็นและบอกกับเราว่า “คำว่าปิดหูแล้วดูด้วยตา เตอร์ว่ามันใช้ได้กับทุกอย่างเลย ไม่ใช่แค่เรื่องความรัก มันจะเป็นเรื่องการทำงานในออฟฟิศก็ได้ การค้าขายก็ได้ เพราะในสังคมเราจริงๆ มันมีความไม่แฟร์ ไม่เท่าเทียม ยังมีการเอาเปรียบหรือการหลอกลวงอยู่มาก ดังนั้นเตอร์อาจจะดำเนินชีวิตด้วยคำว่าปิดหูแล้วดูด้วยตามาตลอดก็ได้ครับ คือใช้ชีวิตให้มีสติรอบคอบ” พอได้ยินคำตอบจากคอปเตอร์แล้วก็บอกได้เลยว่าเห็นด้วยสุดๆ เพราะในช่วงที่เราดำเนินชีวิตกันอยู่ในแต่ละวันบางทีเราอาจจะกำลังโดนหลอก หรือบางทีเราก็ต้องปิดหูเพื่อใช้ตาดูในการหาความจริงอะไรสักอย่าง
ส่วนความประทับใจในการทำเพลงครั้งนี้เจ้าตัวบอกเองเลยว่าประทับใจทุกขั้นตอน เนื่องจากการได้มาทำงานร่วมกับ WHOOP Music คือการที่คอปเตอร์ได้ทำเพลงในแบบที่อยากทำจริงๆ ทีมงานก็ดูแลและน่ารักกับคอปเตอร์ จึงทำให้ความประทับใจเกิดขึ้นในทุกๆ ขั้นตอน

จุดเริ่มต้นของเด็กที่อยากมีเพลงเป็นของตัวเองสู่ศิลปินหนุ่มมากความสามารถ
ถ้าพูดถึงคอปเตอร์แล้วคงมีภาพจำของเขาในแนวเพลงป็อปน่ารักใสๆ แต่ใครจะรู้บ้างว่าจริงๆ แล้วเขาคนนี้ชื่นชอบในการทำเพลงร็อก “เตอร์ว่าเตอร์รู้ตัวเองตั้งแต่ 10-11 ขวบแล้วแหละว่าเตอร์คือคนร็อก จำได้ว่าปี 2553 เตอร์คือเด็กคนเดียวในห้องที่ฟังอัลบั้ม คราม ของพี่ๆ Bodyslam ในขณะที่เพื่อนคนอื่นๆ กำลังฟัง แค่ที่รัก ของ 3.2.1 กันอยู่” เรียกได้ว่ามีแนวทางของตัวเองที่ชัดเจนมาตั้งแต่เด็ก
เขายังกล่าวเสริมอีกด้วยว่า “มันชัดเจนตั้งแต่แรกเลยครับว่าเตอร์ชอบอะไร ตัวตนของเราเป็นแบบไหน ช่วงแรกเตอร์เป็นคนขี้กลัวมากครับ ไม่มั่นใจกับการทำเพลงร็อกเพราะลุคของเรามันดูไม่ร็อกเลย _ทำให้ช่วง 4-5 ปีแรกที่ได้เป็นศิลปินเตอร์เลยเลือกที่จะหันหลังให้กับเพลงร็อกแล้วหันมาทำเพลงป็อปแทน_”
คอปเตอร์เป็นอีกหนึ่งศิลปินมากความสามารถ จุดเริ่มต้นของเขาเกิดขึ้นจากความใฝ่ฝันอยากมีเพลงของตัวเอง อยากสื่อสารในสิ่งที่ต้องการจะพูดให้คนอื่นได้ฟัง เขาจึงเลือกเล่าสิ่งเหล่านั้นผ่านบทเพลง ในส่วนของด้านการพัฒนาคอปเตอร์มองว่าตัวเขาเองคือน้ำที่ไม่เต็มแก้วเพื่อให้เขาพร้อมพัฒนาตัวเองเสมอ
ในส่วนของการร่วมงานกับ THE TOYS ทางคอปเตอร์ได้บอกความรู้สึกของเขาว่า “จริงๆ พี่ทอยคือคนที่เป็นแรงบันดาลใจให้เตอร์เริ่มทำเพลงครับ มันเลยไม่มีคำไหนที่จะพูดนอกจาก ‘ดีใจ’ ที่วันหนึ่งชีวิตของผมได้เดินทางมาถึงจุดที่ได้ทำงานกับพี่เขา มากไปกว่านั้นพี่ทอยกลายมาเป็นเหมือนพี่ชายที่คอยขับเคลื่อนทั้งชีวิตและการเป็นศิลปินรวมถึงการทำงานซึ่งมันเกินกว่าที่เตอร์คิดไว้มากๆ”
ส่วนลายเส้นหรือจุดเด่นของคอปเตอร์เขามองว่าคือการใช้ภาษาและวิธีการเล่าเรื่องที่เฉพาะตัว “เตอร์จะเห็นคอมเมนต์อยู่บ่อยๆ ว่าเนื้อเพลงที่เตอร์เขียนมีความสละสลวย มีสัมผัส อาจจะเพราะเตอร์เป็นคนอีสาน มันจะมีวิธีการใช้คำใช้สำเนียงที่เป็นเอกลักษณ์ เตอร์ก็อธิบายไม่ได้ว่ามันคืออะไร รู้แค่ว่ามันต่างจากคนอื่นๆ” เป็นคำตอบที่ถ้าใครได้อ่านก็คงเอ็นดูคอปเตอร์ไปตามๆ กัน ส่วนแฟนเพลงที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วลองแสดงความคิดเห็นกันหน่อยว่าจุดเด่นของคอปเตอร์คืออะไร

สร้างผลงานเพลงให้ทั้งตัวเองและแต่งเพลงให้กับศิลปินอื่น
ถ้าใครติดตามคอปเตอร์อยู่ก็จะรู้กันดีว่านอกจากจะทำเพลงให้ตัวเองแล้วเขายังแต่งเพลงให้กับศิลปินคนอื่นอีกด้วย ซึ่งตัวเขาเองก็ชื่นชอบทั้งสองบทบาทที่ได้ทำทั้งด้านศิลปินและนักแต่งเพลง “ในบทบาทศิลปินเตอร์รู้สึกว่าได้ทำในสิ่งที่อยากจะนำเสนอ ยิ่งผลงานเพลงสื่อสารกับคนในวงกว้างได้ _เตอร์ก็ยิ่งรู้สึกขอบคุณคนที่เห็นคุณค่าในงานของเตอร์_”
“ส่วนในด้านของนักแต่งเพลงเตอร์ก็จะทำเพลงในแบบที่ศิลปินคนนั้นๆ เขาอยากจะนำเสนอ เพราะต้องมองภาพรวมของศิลปินคนนั้นด้วยว่าเขาเหมาะกับเพลงแบบไหน ต้องเล่าเรื่องยังไง เพลงที่แต่งขึ้นมาจะต้องซัพพอร์ตศิลปินให้ได้มากที่สุด ทั้งด้านของการทำเพลงให้ตัวเองในฐานะศิลปินกับทำเพลงให้กับศิลปินคนอื่นก็จะมีทั้งจุดที่เหมือนและต่างกัน”
ส่วนแรงบันดาลใจในการทำเพลงเจ้าตัวบอกว่าเป็นคนที่จินตนาการไม่เก่ง เพราะฉะนั้นเพลงที่ได้ฟังกันจึงมักจะเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นแล้วคอปเตอร์นำมาถ่ายทอดเป็นเพลง “เตอร์เคยนั่งวิเคราะห์เพลงตัวเองด้วยครับ ถ้าเพลงไหนเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงเตอร์จะสื่อสารมันออกมาได้ดี บางทีเพลงที่เราทำอาจจะตรงกับเรื่องราวของคนที่ได้ฟังมันก็จะเป็นตัวสื่อสารให้กับเราด้วย”
เป้าหมายในอนาคตในเส้นทางศิลปินของคอปเตอร์นั้นก็เหมือนคนอื่นๆ ที่อยากเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น ได้ไปออกทัวร์ มีคอนเสิร์ตเยอะๆ มีแฟนคลับเพิ่มขึ้น แต่เป้าหมายในปัจจุบันตอนนี้คือ “อยากทำเพลงให้ดีที่สุด ได้เป็นตัวของตัวเอง และสื่อสารกับคนฟังให้เยอะขึ้นครับ”
“เตอร์คิดว่าช่วงขวบปีที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้เป็นช่วงที่เตอร์รู้สึก fulfill ที่สุดเลยครับ รู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากๆ ที่ได้ทำทุกสิ่งที่อยากทำ ทั้งออกเพลงในแบบที่ได้เป็นตัวของตัวเอง ได้ทำงาน Mixing Mastering และได้ทำงานกับคนที่เราชื่นชมเขามาโดยตลอด”

คอปเตอร์ฝากข้อความส่งถึงแฟนๆ ด้วยว่า “ขอบคุณทุกคนมากจริงๆ ที่ยังติดตามกันมาตลอด บางคนติดตามกันมาตั้งแต่เตอร์ยังไม่ได้เป็นศิลปินที่มีค่ายมีสังกัด บางคนตามมาดูตั้งแต่คอนเสิร์ตแรก บางคนเดินทางมาหาเพื่อมาเจอเตอร์ในเวลาแค่ไม่กี่นาที เตอร์รู้สึกโชคดีจริงๆ ที่มีแฟนคลับที่น่ารักกับเตอร์เสมอมา ทุกครั้งเวลาเจอกันก็เหมือนกับได้เจอญาติที่คอยถามสารทุกข์สุกดิบเสมอ ขอบคุณที่รักเตอร์มาโดยตลอดครับ”
บทสัมภาษณ์นี้ทำให้เราได้รู้จักคอปเตอร์มากยิ่งขึ้น ได้รู้ว่าแนวเพลงที่เขาชื่นชอบจริงๆ คืออะไร ได้รู้ว่าศิลปินที่เป็นแรงบันดาลใจให้เขาคือใคร และทำให้ได้รู้ว่าแฟนคลับคืออีกหนึ่งกำลังใจสำคัญของเขา
สามารถฟังเพลง ‘ปิดหูแล้วดูด้วยตา’ ของคอปเตอร์ได้ทุกสตรีมมิงและรับชมมิวสิควิดีโอได้ทาง YouTube ช่อง WHOOP Music
ช่องทางการติดตาม
Instagram: copterxmurf.
Facebook: copterxmurf.
X: copterxmurf.
TikTok: copterxmurf.