หลังจากเกิดความขัดแย้งภายในสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. กรณีการจัดสรรงบประมาณจำนวน 600 ล้านบาท เพื่อซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 ซึ่งนำไปสู่การตรวจสอบภายใน และการตั้งคำถามถึงบทบาทและความเหมาะสมของผู้บริหารระดับสูง
ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางมีคำสั่ง ยกคำร้อง ในคดีที่ นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล อดีตรองเลขาธิการ และอดีตรักษาการเลขาธิการ กสทช. เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องคณะกรรมการ กสทช. 4 ราย ในข้อหาใช้อำนาจโดยมิชอบ กรณีมีมติปลดตนเองออกจากตำแหน่งรักษาการเลขาฯ
คำฟ้องของไตรรัตน์ อ้างว่า บอร์ดทั้ง 4 รายใช้เหตุผลนอกเหนือกฎหมาย คือให้ความสำคัญกับกระบวนการสรรหา มากกว่าคุณสมบัติของตนในฐานะบุคคล จึงถือว่า ‘ขาดดุลยพินิจ’ และมีเจตนาไม่สุจริต
อย่างไรก็ตาม ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า กรรมการทั้ง 4 รายมีอำนาจตามกฎหมายในการพิจารณาและลงมติ ว่าจะให้ความเห็นชอบหรือไม่ต่อบุคคลใดในการดำรงตำแหน่งเลขาธิการฯ ซึ่งเป็นอำนาจตามมาตราและระเบียบภายในองค์กร และไม่พบพฤติการณ์ทุจริตหรือกลั่นแกล้ง จึงวินิจฉัยว่า การใช้ดุลยพินิจของบอร์ดเป็นไปโดยชอบตามหน้าที่
การยื่นฟ้องครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นความพยายามของนายไตรรัตน์ในการ รักษาสถานะ ‘รักษาการ’ ของตนต่อไป ทั้งที่พ้นจากตำแหน่งรองเลขาธิการฯ ไปแล้ว โดยหากศาลรับฟ้อง จะมีผลทำให้บอร์ดทั้ง 4 รายต้องถอนตัวจากกระบวนการสรรหาเลขาธิการคนใหม่ อันอาจส่งผลให้ตำแหน่งรักษาการของไตรรัตน์ยืดออกไปอีก
แต่เมื่อศาลมีคำสั่ง ‘ยกคำร้อง’ เท่ากับว่า ปิดฉากความพยายามยื้อตำแหน่ง และเปิดทางให้กระบวนการสรรหาผู้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ กสทช. คนใหม่ ดำเนินต่อไปโดยไม่มีข้อโต้แย้งทางกฎหมาย