มนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม ให้สัมภาษณ์กรณีที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) เตรียมจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในช่วงเปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันที่ 3 กรกฎาคม โดยมองว่า “การที่พรรคภูมิใจไทย ระบุว่าจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจในช่วงเวลาที่สภาฯ ยังไม่เปิดสมัยประชุม จากคนที่บริหารงานร่วมกันมา 2 ปี ดิฉันก็งงเช่นกันว่าการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเหมาะกับช่วงเวลานี้หรือไม่ เพราะขณะนี้มีกำลังมีการพิจารณางบประมาณปี 2569 อยู่ อีกทั้งการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจต้องใช้เสียง 1 ใน 5 ของ สส. ที่มีอยู่ทั้งหมด 495 คน คือ 99 คน แต่พรรคภูมิใจไทยมีอยู่ 69 คน”
ขอโอกาสให้รัฐบาลได้ทำงานก่อนได้หรือไม่ และหากพรรคภูมิใจไทยจะอภิปรายรัฐบาลนี้ ก็จะมีคำถามจากหลายคนว่า ขณะที่ท่านบริหารกระทรวงอยู่ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม กระทรวงแรงงาน และกระทรวงศึกษาธิการ พวกท่านทำอะไรไว้ นี่คือสิ่งหนึ่งที่ดิฉันมองว่ายังไม่มีความเหมาะสมที่จะมายื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ก็เป็นสิทธิของท่าน ซึ่งรัฐบาลก็พร้อมที่จะชี้แจง แต่อย่างไรก็ตามคงต้องมีการประชุมกันของฝ่ายค้านก่อน เพราะทางผู้นำฝ่ายค้านยังไม่ออกมาแถลงอะไรเลย พรรคผู้นำฝ่ายค้านคือพรรคประชาชน ที่มี สส. ถึง 143 คน แต่พรรคภูมิใจไทยมี สส. อยู่ 69 คน ย้ำว่าพรรคประชาชนยังไม่ออกมาชี้แจงเลยว่าจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่
เมื่อถามว่า มองว่าพรรคประชาชน (ปชน.) จะเอาด้วยหรือไม่? มนพร กล่าวว่า “ดิฉันตอบแทนพรรคประชาชนไม่ได้ แต่วันนี้ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรคือพรรคประชาชน ไม่ใช่พรรคภูมิใจไทย”
เมื่อถามว่า ประเมินการทำหน้าที่ฝ่ายค้านของพรรคภูมิใจไทยอย่างไรบ้าง? มนพร กล่าวว่า “คงประเมินไม่ได้ เพราะต้องให้เกียรติทุกพรรค ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล แต่ไม่แน่ใจว่าการที่พรรคภูมิใจไทยออกมาเช่นนี้ จะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายแค้นกันแน่ ขณะที่ท่านยังไม่ได้ทำหน้าที่ฝ่ายค้านเลย เพราะเพิ่งออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลหยกๆ แต่กลับมายื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ”
ชะลอ ‘เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์’ ดัน ‘นิรโทษกรรม’ ก่อน
รมช.คมนาคม ยังกล่าวถึงการเปิดประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา ในวันที่ 3 ก.ค.นี้ ว่า “ทางรัฐบาลจัดลำดับกฎหมายในการพิจารณาโดยต้องดูวาระการประชุมเดิมในวันที่ 3 ก.ค. ซึ่งตรงกับวันพฤหัสบดี เป็นการพิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา กระทู้ถามทั่วไป และกระทู้แยกเฉพาะ และในช่วงบ่ายจะพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ต่างๆ ที่กรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว ส่วนวันที่ 9 กรกฎาคม จะเป็นการพิจารณากฎหมาย ซึ่งเดิมวาระของสภาฯ เริ่มจากร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ต่อด้วยร่าง พ.ร.บ.สังคมสันติสุข และร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม รวมประมาณ 4 ร่าง”
มนพร กล่าวว่า “ขณะนี้ทางฝ่ายรัฐบาลก็รับฟังเสียงจากพี่น้องประชาชนในเรื่องของความไม่เข้าใจเกี่ยวกับเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ซึ่งได้มีการสื่อสารตลอดช่วงปิดสมัยประชุม เพื่อให้ประชาชนเข้าใจว่ามีเรื่องกาสิโนเพียงแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ นอกนั้นเป็นเรื่องของการจัดศูนย์แสดงสินค้า หรือกิจกรรมต่างๆ เพื่อความแข็งแรงของเศรษฐกิจในประเทศ และเราก็ทำความเข้าใจ แต่คงต้องใช้เวลาอีก”
ฝ่ายรัฐบาลได้สื่อสารไปยัง วิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ว่า เห็นควรเลื่อน พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ฯ ออกไปก่อน โดยจะเลื่อนร่าง พ.ร.บ.สังคมสันติสุข และร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เข้ามาเป็นเรื่องแรก
มนพร กล่าวต่อไปว่า “ส่วนกระทรวงคมนาคมจะมีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ขนส่งทางราง ร่าง พ.ร.บ.การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม และร่าง พ.ร.บ.การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน (รฟม.) โดยพิจารณาเสร็จแล้ว เหลือแต่ร่างกฎหมายรถไฟฟ้า 20 บาท ซึ่งจะเร่งรัดให้คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาให้แล้วเสร็จ เพื่อเข้าสู่การพิจารณาให้เป็นกฎหมายแพ็กเกจ นำไปสู่การทำนโยบาย 20 บาทตลอดสาย”
เมื่อถามว่า “20 บาทตลอดสาย” คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้เมื่อไหร่? มนพร กล่าวว่า “ร่าง พ.ร.บ.มี 8 มาตรา ตอนนี้ถึงมาตรา 4-5 แล้ว คาดว่าจะพิจารณาเสร็จในสัปดาห์หน้า แล้วจะกลับไปทบทวนร่าง พ.ร.บ.ตั๋วร่วม สรุปเพื่อเตรียมให้สภาบรรจุเข้าระเบียบวาระ และคาดว่าหลังจากผ่านการพิจารณาของสภาฯ ก็จะไปต่อที่ฝั่ง สว. โดยมีเดดไลน์ในเดือนกันยายนหรือตุลาคม ซึ่งเป็นนโยบายของ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ได้มุ่งมั่นมาตลอด”
เมื่อถามว่า กังวลเรื่องเสียงของ สว. หรือไม่ หลังจากที่พรรคภูมิใจไทยถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาล? มนพร กล่าวว่า “ประเด็นต้องแยกกัน ซึ่งในส่วนของพรรคภูมิใจไทยที่ถอนตัวออกจากรัฐบาล การเสนอ พ.ร.บ.สำคัญๆ ที่เป็นประโยชน์กับประชาชนคงไม่ได้ยึดเพียงแค่พรรคภูมิใจไทย เพราะพรรคฝ่ายค้านทุกพรรคก็เห็นด้วยว่า ถ้านโยบายรัฐบาลทำสำเร็จจะเกิดประโยชน์ต่อประชาชนที่จะใช้รถไฟราคาถูก และประชาชนฝากความหวังให้ทุกท่านเป็นตัวแทน”
เชื่อมั่นว่ากฎหมายนี้จะไม่มีติดขัด หรือถูกตีกลับมาจากฝั่ง สว. ซึ่งจะไม่เป็นการตอกย้ำว่า สว.ในปัจจุบันเป็นคนของพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง ท่านก็จะใช้เวทีของ สว. นี้แสดงตัวว่าเห็นประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง ไม่ได้มาเพื่อผลประโยชน์ของพรรคการเมืองใด
เมื่อถามว่า จะมีปัญหาอะไรหรือไม่ เพราะขณะนี้เสียงของฝ่ายค้านกับรัฐบาลถือว่าใกล้เคียงกัน? มนพร กล่าวว่า “ทุกคนมีความห่วงใยในเรื่องนี้ และจากการที่เราได้คุยกับพรรคร่วมรัฐบาล ทุกคนมีความห่วงใยในเรื่องนี้ และเชื่อมั่นว่าหาก สส. รู้จักการทำหน้าที่ของตัวเอง เข้าร่วมประชุมทุกครั้ง เป็นองค์ประชุม ไม่ขาดประชุม ก็เชื่อว่ากฎหมายทุกฉบับที่ได้ความร่วมมือกับทุกพรรครัฐบาลจะผ่านไปด้วยดี”
เมื่อถามถึงกรณีที่ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เรียกร้องให้รัฐบาลถอดถอนร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ออกไปก่อน? มนพร กล่าวว่า “จริงๆ ไม่ต้องให้ทางฝ่ายค้านแจ้งก็ได้ รัฐบาลมีการทบทวนและฟังเสียงประชาชนอยู่แล้ว อะไรที่ประชาชนมีความคราแคลงใจ รัฐบาลต้องรับฟังเสียงทุกเสียง เพราะถือว่าเป็นเสียงสะท้อน และยอมรับว่าขณะที่เราเสนอนั้น เราอาจจะไม่ได้สื่อสารให้ประชาชนเข้าใจ เราไม่ได้สร้างบ่อนหรือกาสิโนใดๆ เรามีกาสิโนแค่ 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ฉะนั้น เมื่อเราได้ฟังเสียงของประชาชนเป็นวงกว้าง เราจึงให้วิปรัฐบาลทบทวน”
เมื่อถามว่า การทบทวนหมายถึงการทบทวนเรื่องลำดับแต่ไม่ได้มีการถอนออกใช่หรือไม่? มนพร กล่าวว่า “ในเมื่อกฎหมายฉบับนี้ถูกบรรจุในระเบียบวาระ เราต้องรับฟังเสียงรอบด้าน และเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องของสมาชิกในสภาฯ เช่นกัน ฉะนั้น ต้องฟังเสียงของสมาชิกด้วยว่าจะถอนออกหรือไม่ หรือจะเลื่อนไปเมื่อไหร่”